1. Ceremonial Grade (เกรดพิธีชงชา)
- มัทฉะคุณภาพสูงที่สุด เป็นยอดอ่อนใบชาจากการเก็บครั้งแรก มักใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่น
- สีเขียวสดใส เนื้อเนียนละเอียด รสชาติหวานนวล นุ่มละมุน หอมหวาน
- มักใช้ชงดื่มร้อนแบบเพียว ๆ ไม่ผสมนม เพื่อสัมผัสรสชาติของมัทธะ
2. Premium Grade (เกรดพรีเมียม)
- คุณภาพรองลงมา แต่ยังถือว่าดีมาก เป็นยอดอ่อนใบชาจากการเก็บในครั้งที่สอง
- เหมาะสำหรับทำลาเต้ ดื่มประจำวัน หรือผสมเมนูเบเกอรี่
- สีเขียวสด มีกลิ่นหญ้าอ่อน ๆ รสเข้ม ขมเล็กน้อยแต่ยังกลมกล่อม
3. Culinary Grade (เกรดทำอาหาร)
- ใช้สำหรับทำขนม เค้ก ไอศกรีม
- สีเขียวอมเหลือง รสเข้มและขมกว่า อาจมีกลิ่นดิน มีความฝาด
- ราคาไม่สูง แต่ไม่เหมาะกับการดื่มเพียว ๆ
- มัทฉะแท้คุณภาพสูงจะมีสีเขียวสดใส ยิ่งสีเขียวยิ่งดี ไม่หม่น ไม่เขียวอมเหลือง
- หากเป็นมัทฉะเกรดต่ำหรือผสมชาเขียวอื่น ๆ สีจะออกด้านและซีดออกไปทางสีน้ำตาล
- มัทฉะคุณภาพสูงมีผงละเอียด เนียนเหมือนแป้ง ไม่จับตัวเป็นก้อน ลองใช้นิ้วมือสัมผัสเบา ๆ ต้องให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล นั่นคือมัทธะคุณภาพดี
- หากผงหยาบหรือจับเป็นเม็ด แสดงว่าเป็นเกรดต่ำ
- มัทฉะแท้คุณภาพดีมีรสหวานนวล ขมเล็กน้อย แต่กลมกล่อม
- หากขมจัดหรือฝาดมาก แสดงว่าใช้ใบชาคุณภาพต่ำ
- เวลาเช็กในร้านมัทฉะที่คุณภาพดี เมื่อใช้ไม้ตีชาตี จะเกิดฟองครีมละเอียดด้านบน
- หากฟองหยาบหรือหายเร็ว อาจบอกได้ว่าเป็นมัทฉะเกรดต่ำ
- มัทฉะแท้คุณภาพสูงมักมีราคาสูงกว่าชาเขียวทั่วไป
- หากเมนูมัทฉะราคาถูกมากผิดปกติ อาจเป็น Thai Green Tea หรือชาเขียวผสม ไม่ใช่มัทฉะแท้
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมมัทฉะที่ดื่มในญี่ปุ่นกับในร้านไทยถึงรสชาติต่างกัน คำตอบคือ ร้านไทยหลายแห่งอาจใช้มัทฉะเกรดทำอาหาร หรือใช้ชาเขียวไทย มาปรุงแทนมัทฉะเพื่อลดต้นทุน จึงทำให้รสชาติออกมาไม่เข้มข้น ทั้งนี้บางร้านที่ใช้มัทฉะคุณภาพดี ก็อาจได้รสชาติเทียบเท่ากับที่ญี่ปุ่นได้เลย แต่ราคาอาจสูงขึ้นตามคุณภาพ
- ถามแหล่งที่มา : ร้านที่ใช้มัทฉะแท้มักกล้าบอกว่าใช้ผงจากญี่ปุ่น และมีข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์
- สังเกตสีเครื่องดื่ม : หากมัทฉะลาเต้มีสีเขียวสดใส แปลว่ามีโอกาสใช้มัทฉะคุณภาพสูง
- รสชาติไม่หวานเกินไป : มัทฉะแท้จะไม่ต้องใช้น้ำตาลกลบ รสชาติยังกลมกล่อม
- ราคาเหมาะสม : หากแก้วละ 40-50 บาท อาจไม่ใช่มัทฉะแท้ เพราะต้นทุนมัทฉะแท้สูงกว่านั้น