เคยจด To-Do List ยาวเป็นหางว่าวตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แต่พอถึงปลายสัปดาห์กลับพบว่ามีงานมากมายที่ยังไม่ได้ขีดฆ่าทิ้งไหม? หรือรู้สึกผิดหวังที่เห็นลิสต์งานเดิมๆ ปรากฏขึ้นในวันถัดไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า? แม้ว่า To-Do List จะถูกมองว่าเป็นเครื่องมือจัดการเวลาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่หลายคนกลับพบว่ามันไม่สามารถช่วยให้พวกเขามี Productivity ที่ดีขึ้นได้จริง ซ้ำร้ายบางครั้งยังเพิ่มความรู้สึกท่วมท้นและเครียดมากขึ้นไปอีก บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุที่ว่า ทำไม To-Do List ถึงล้มเหลว? และจะแก้อย่างไร ให้เครื่องมือนี้กลับมาเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง พร้อมนำเสนอแนวทางแก้ไขที่ใช้ได้ผล เพื่อให้สามารถจัดการงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บรรลุเป้าหมาย และลดความรู้สึกติดค้างในใจ
To-Do List ที่ไร้ประสิทธิภาพมักมีสาเหตุมาจากข้อผิดพลาดพื้นฐานบางประการที่หลายคนมองข้ามไป นี่คือเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ลิสต์งานของคุณไม่เคยสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้
- เยอะจนท่วมท้น เมื่อลิสต์งานยาวเป็นกิโลเมตร คุณจะรู้สึกท้อแท้ตั้งแต่แรกเห็น ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน และบางครั้งก็เลือกที่จะไม่เริ่มเลย
- ประเมินเวลาผิดพลาด มักจะใส่จำนวนงานที่มากเกินกว่าจะทำได้จริงในหนึ่งวัน หรือหนึ่งสัปดาห์ โดยไม่ได้คำนึงถึงเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละงาน
- ขาดความยืดหยุ่น เมื่อมีงานแทรก หรืองานใดใช้เวลานานกว่าที่คิด ลิสต์งานที่ยาวเหยียดก็จะพังทันที และทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง
- ทุกงานดูเหมือนสำคัญเท่ากัน เมื่อไม่มีการจัดลำดับความสำคัญ คุณอาจจะเริ่มทำงานที่ง่ายที่สุด หรือน่าทำที่สุดก่อน แทนที่จะเป็นงานที่สำคัญที่สุดและมีผลกระทบมากที่สุด
- งานด่วนเบียดงานสำคัญ งานเร่งด่วนที่เข้ามาแทรกมักจะถูกหยิบขึ้นมาทำก่อนเสมอ ทำให้งานสำคัญที่ต้องใช้สมาธิและเวลาไม่เคยถูกทำ
- ไม่รู้ว่าอะไรคือ "สิ่งที่ต้องทำจริงๆ" To-Do List มักจะเป็นแค่ที่รวมของ "สิ่งที่อยากจะทำ" หรือ "สิ่งที่ควรจะทำ" โดยไม่มีความชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ "ต้อง" ทำ
- งานใหญ่ที่ไม่ได้แบ่งย่อย การเขียนว่า "จัดโปรเจกต์ X" หรือ "ทำความสะอาดบ้าน" เป็นงานที่ใหญ่เกินไป ทำให้คุณไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และรู้สึกท้อแท้
- ขาดขั้นตอนที่ชัดเจน งานที่ไม่ได้ระบุขั้นตอนย่อยๆ ทำให้คุณต้องเสียเวลาคิดแผนงานอีกครั้งในตอนที่ลงมือทำ ซึ่งลดประสิทธิภาพลง
- แค่จด ไม่ได้วางแผน To-Do List เป็นแค่รายการสิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับการวางแผนเวลาจริงๆ ทำให้งานเหล่านั้นไม่มี "บ้าน" หรือช่วงเวลาที่แน่นอนในการลงมือทำ
- ถูกรบกวนได้ง่าย เมื่อไม่มีการบล็อกเวลาสำหรับการทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่ง คุณก็จะถูกสิ่งรบกวนจากภายนอกหรือความคิดฟุ้งซ่านได้ง่าย
- จดแล้วลืม หลายคนจด To-Do List ไว้ แต่ไม่เคยกลับมาทบทวนหรือประเมินผลว่าอะไรทำได้ ไม่ได้ และทำไม
- ไม่เรียนรู้จากความผิดพลาด การไม่ทบทวนทำให้ไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไร และยังคงทำผิดพลาดซ้ำๆ ในการสร้างลิสต์งาน
เมื่อเข้าใจถึงสาเหตุของความล้มเหลวแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะแก้ไขและปรับปรุงวิธีการใช้ To-Do List ให้มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่ม Productivity ได้อย่างแท้จริง
- ทำให้งานเฉพาะเจาะจงและจับต้องได้ แทนที่จะเขียนว่า "จัดโปรเจกต์ X" ให้เขียนเป็น "ร่างโครงสร้างโปรเจกต์ X", "รวบรวมข้อมูลสำหรับโปรเจกต์ X (ส่วนที่ 1)", "นัดประชุมทีมสำหรับโปรเจกต์ X"
- แบ่งงานใหญ่เป็นงานย่อยๆ หากงานใดใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง ให้ลองแบ่งย่อยเป็นงานเล็กๆ ที่ใช้เวลา 15-30 นาที การทำเช่นนี้จะช่วยให้งานดูไม่ใหญ่เกินไป และคุณจะรู้สึกถึงความสำเร็จเมื่อขีดฆ่างานย่อยๆ ออกไปได้
- เลือก 1-3 งานสำคัญที่สุดในแต่ละวัน ในแต่ละวัน ให้เลือกเพียง 1-3 งานที่ "ต้องทำให้เสร็จ" หรือ "สำคัญที่สุด" และให้ความสำคัญกับงานเหล่านั้นเป็นอันดับแรก
- ใช้หลักการ 20/80 (Pareto Principle) ค้นหางาน 20% ที่จะสร้างผลลัพธ์ 80% ให้กับคุณ และให้ความสำคัญกับงานเหล่านั้นก่อน
- ใช้เครื่องมือช่วยจัดลำดับความสำคัญ เช่น
Eisenhower Matrix : แบ่งงานออกเป็น 4 ช่อง (สำคัญ/เร่งด่วน, สำคัญ/ไม่เร่งด่วน, ไม่สำคัญ/เร่งด่วน, ไม่สำคัญ/ไม่เร่งด่วน)
ABCDE Method : A = สำคัญมาก (ต้องทำ), B = สำคัญรองลงมา (ควรทำ), C = ทำได้ถ้ามีเวลา (ไม่สำคัญ), D = มอบหมาย, E = กำจัด
- แยก "งานที่ต้องทำ" ออกจาก "งานที่อยากทำ" มีลิสต์แยกสำหรับงานที่จำเป็นจริงๆ และงานที่คุณอยากจะทำถ้ามีเวลาเหลือ
นี่คือจุดเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดในการกู้คืนประสิทธิภาพของ To-Do List:
- เชื่อมโยง To-Do List เข้ากับปฏิทิน เมื่อคุณมี To-Do List ที่ชัดเจนและจัดลำดับความสำคัญแล้ว ให้นำงานเหล่านั้นไป "บล็อกเวลา" ในปฏิทินของคุณ
- "นัดหมาย" กับตัวเอง : ปฏิบัติต่องานใน To-Do List เหมือนกับการนัดหมายประชุมที่สำคัญ บล็อกเวลาที่ชัดเจน เช่น "9:00-10:00: ร่างแผนโปรเจกต์ Y", "14:00-14:30: ตอบอีเมลสำคัญ"
- เผื่อเวลาสำหรับงานที่ไม่คาดฝัน อย่าบล็อกเวลาจนเต็ม 100% ควรมีเวลาเผื่อสำหรับงานด่วนงานแทรก หรือใช้เป็นเวลาพัก
- ทบทวน To-Do List ทุกเช้า/เย็น ใช้เวลา 5-10 นาทีในแต่ละวันเพื่อทบทวนลิสต์งานของวันนั้นๆ และวางแผนสำหรับวันถัดไป
- ประเมินผลในแต่ละสัปดาห์ ทบทวนว่างานอะไรทำสำเร็จ อะไรยังไม่สำเร็จ และเพราะอะไร เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงแผนการในสัปดาห์ถัดไป
- ลบงานที่ไม่จำเป็น หากมีงานใดในลิสต์ที่คุณเลื่อนมาหลายครั้งและพบว่ามันไม่สำคัญแล้ว ให้กล้าที่จะลบทิ้งไป
- ปรับเปลี่ยนเครื่องมือ หากพบว่าแอปพลิเคชันหรือสมุดจดที่ใช้อยู่ไม่เหมาะกับสไตล์ของเรา ลองเปลี่ยนไปใช้เครื่องมืออื่นที่ตอบโจทย์กว่า
- บล็อกเวลาพักผ่อน การพักผ่อนคือส่วนหนึ่งของการเพิ่ม Productivity อย่ามองข้ามการบล็อกเวลาสำหรับการพักเบรกสั้นๆ, ทานอาหาร, ออกกำลังกาย, หรือกิจกรรมคลายเครียด
- ลดความรู้สึกผิด การมีเวลาพักผ่อนอยู่ใน To-Do List จะช่วยลดความรู้สึกผิดเมื่อหยุดพัก และทำให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
To-Do List ไม่ใช่เครื่องมือที่ผิดพลาด แต่เป็นวิธีการใช้งานที่ไม่ถูกต้องต่างหาก ด้วยการทำความเข้าใจข้อบกพร่องที่พบบ่อย และนำเทคนิคการแก้ไขเหล่านี้ไปปรับใช้ คุณจะสามารถเปลี่ยน To-Do List ที่เคยเป็นตัวการสร้างความเครียด ให้กลายเป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพที่ช่วยให้คุณ จัดการงานได้อย่างเป็นระบบ บรรลุเป้าหมาย และมีชีวิตที่ไม่วุ่นวาย ได้อย่างแท้จริง ลองเริ่มปรับวิธีการของคุณตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะพบว่าการขีดฆ่างานที่ทำสำเร็จในแต่ละวันนั้นสร้างความพึงพอใจได้มากเพียงใด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
6 สาเหตุสำคัญ! ที่ทำให้จด To-Do List แค่ไหนก็ไม่ได้ผล
พลังแห่ง To Do List แค่เขียน “สิ่งที่ต้องทำ” ก็ทำงานได้ดีขึ้น!