Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Minimalist Lifestyle คืออะไร?

Posted By channi kang | 20 ส.ค. 68
45 Views

  Favorite


ปัจจุบันหลายคนรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวาย ความซับซ้อน และสิ่งของที่สะสมจนล้นบ้าน การมองหาชีวิตที่เรียบง่ายกว่าเดิมจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และนั่นคือที่มาของ Minimalist Lifestyle หรือ วิถีชีวิตแบบมินิมอล ที่ไม่ใช่แค่การกำจัดข้าวของที่ไม่จำเป็นออกไป แต่คือปรัชญาการใช้ชีวิตที่เน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ การเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ ลดสิ่งรบกวน และหาความสุขจากความเรียบง่าย แต่การเริ่มต้นเส้นทางนี้อาจดูน่ากลัวสำหรับบางคน เพราะกลัวว่าจะต้องละทิ้งทุกสิ่ง หรือรู้สึกกดดันจนเครียด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า Minimalist Lifestyle คืออะไร อย่างแท้จริง พร้อมแนะนำ วิธีเริ่มต้นสู่ชีวิตมินิมอลอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่รู้สึกเครียด เพื่อให้เราสามารถสัมผัสถึงความสงบและอิสระที่มาพร้อมกับชีวิตที่เบาสบายยิ่งขึ้น

Minimalist Lifestyle คือ?

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงวิธีการเริ่มต้น สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจแก่นแท้ของ Minimalist Lifestyle มันไม่ใช่แค่การมีเสื้อผ้าสีขาว ดำ เทา หรือการอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่าไร้สิ่งของ แต่คือการ
- เน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ เลือกครอบครองสิ่งของที่ใช้งานได้จริง มีประโยชน์ และเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของคุณ ไม่ใช่แค่มีเพื่อมี
- ลดสิ่งรบกวน กำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต ทั้งสิ่งของ ความคิด ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่กิจกรรมที่ทำให้เสียเวลา เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับสิ่งที่สำคัญกว่า
- หาความสุขจากความเรียบง่าย เรียนรู้ที่จะชื่นชมและมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ไม่ยึดติดกับวัตถุหรือความสมบูรณ์แบบ
- อิสระทางการเงินและเวลา เมื่อมีสิ่งของน้อยลง ก็มีภาระในการดูแลรักษาน้อยลง และมักจะใช้จ่ายน้อยลง ทำให้มีเงินและเวลามากขึ้นสำหรับประสบการณ์หรือสิ่งที่ต้องการจริงๆ
- ความชัดเจนในชีวิต การจัดระเบียบภายนอกนำไปสู่การจัดระเบียบภายในจิตใจ ทำให้มีสมาธิ ตัดสินใจได้ดีขึ้น และลดความกังวล
สรุปง่ายๆ Minimalist Lifestyle คือ การใช้ชีวิตอย่างตั้งใจ (Intentional Living) โดยเลือกเก็บเฉพาะสิ่งที่มีคุณค่าและเพิ่มความสุขให้กับชีวิตของเราเท่านั้น

ทำไมต้องเริ่มต้น Minimalist Lifestyle? 

การตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตแบบมินิมอลนั้นมีแรงจูงใจที่แตกต่างกันไปสำหรับแต่ละบุคคล แต่โดยรวมแล้วประโยชน์ที่ได้รับมักจะคล้ายคลึงกันและส่งผลดีต่อทุกมิติของชีวิต
- ลดความเครียดและความวิตกกังวล เมื่อมีสิ่งของน้อยลง บ้านก็จะสะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้จิตใจสงบ ไม่รู้สึกอึดอัดกับความรก และลดความกังวลในการดูแลรักษาหรือจัดเก็บ
- มีสมาธิและโฟกัสได้ดีขึ้น สิ่งรบกวนจากสิ่งของที่มากเกินไปจะลดลง ทำให้คุณสามารถจดจ่อกับงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
- ประหยัดเงิน เมื่อซื้อน้อยลง ใช้จ่ายอย่างมีสติมากขึ้น และพิจารณาคุณค่าก่อนตัดสินใจซื้อ ทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น และลดภาระหนี้สิน
- มีเวลามากขึ้น เวลาที่เคยหมดไปกับการเลือกซื้อของ ดูแลทำความสะอาด หรือจัดเก็บสิ่งของที่มากเกินไป จะถูกนำไปใช้กับกิจกรรมที่มีความหมาย เช่น การพักผ่อน การเรียนรู้ หรือการใช้เวลากับคนที่รัก
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การบริโภคน้อยลง ทิ้งขยะน้อยลง และเลือกสิ่งของที่มีคุณภาพใช้งานได้นาน เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ค้นพบตัวเองและคุณค่าที่แท้จริง เมื่อสิ่งภายนอกถูกลดทอนลง เราจะมีโอกาสได้สำรวจและค้นพบว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ อะไรที่ทำให้มีความสุข และอะไรคือเป้าหมายในชีวิต

เริ่มต้นอย่างไรให้ไม่รู้สึกเครียด ก้าวเล็กๆ สู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหญ่ย่อมใช้เวลาและความอดทน หากเริ่มต้นแบบหักโหม อาจทำให้รู้สึกท้อแท้และล้มเลิกกลางคันได้ ดังนั้น การเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ

1 เริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ หรือหมวดหมู่ที่ง่ายที่สุด

อย่าเพิ่งคิดว่าจะต้องจัดบ้านทั้งหลังในคราวเดียว เพราะจะทำให้คุณรู้สึกท่วมท้นและหมดกำลังใจ ลองเริ่มต้นจาก
- ลิ้นชักโต๊ะทำงาน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะมักจะมีของที่ไม่จำเป็นสะสมอยู่มากมาย จัดการให้เป็นระเบียบแล้วคุณจะเห็นความแตกต่างทันที
- ชั้นวางหนังสือเล็กๆ เลือกชั้นใดชั้นหนึ่งที่คุณมีหนังสือไม่มากนัก และลองคัดเลือกดูว่าเล่มไหนที่อ่านแล้วมีความสุขหรือมีคุณค่าจริงๆ
- เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า 1 หมวด เช่น เสื้อยืด หรือกางเกงยีนส์ หยิบออกมาทั้งหมดแล้วลองเลือกดูว่าตัวไหนที่คุณใส่แล้วรู้สึกดีจริงๆ
- กระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าถือ นำสิ่งของทั้งหมดออกมา จัดการกับใบเสร็จ บัตรที่ไม่ใช้แล้ว แล้วเก็บเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจริงๆ

2 ใช้คำถาม "จุดประกายความสุข" (Spark Joy) แบบ KonMari

แม้จะเป็นมินิมอล แต่หลักการของ KonMari ที่ถามว่า "สิ่งนี้จุดประกายความสุขให้ฉันหรือไม่?" สามารถนำมาปรับใช้ได้ดีกับวิถีชีวิตแบบมินิมอล ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและลดความเครียดในการกำจัดสิ่งของ
- หยิบสิ่งของขึ้นมาทีละชิ้น สัมผัสและพิจารณาว่ามันทำให้รู้สึกดี มีประโยชน์ หรือใช้งานจริงหรือไม่
- ถ้าไม่ให้กล่าวขอบคุณแล้วปล่อยไป การกล่าวขอบคุณเป็นการแสดงความเคารพต่อสิ่งของนั้นๆ ก่อนที่จะปล่อยมันไป ช่วยลดความรู้สึกผิดในการทิ้ง
- อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น วิถีมินิมอลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราไม่จำเป็นต้องมีสิ่งของน้อยเท่าคนอื่น จงโฟกัสที่ความสุขและความพอดีของตัวเอง

3 สร้างกฎส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ

การตั้งกฎง่ายๆ ให้ตัวเองจะช่วยให้คุณรักษาวิถีมินิมอลได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกกดดัน เช่น
- หนึ่งเข้า หนึ่งออก เมื่อซื้อของชิ้นใหม่ ให้บริจาคหรือทิ้งของชิ้นเก่าที่คล้ายกันออกไป 1 ชิ้น
- ใช้แล้วเก็บเข้าที่ สร้างนิสัยการเก็บของเข้าที่เดิมทันทีหลังใช้งาน เพื่อไม่ให้เกิดความรกสะสม
- กฎ 30 วัน หากต้องการซื้อของชิ้นใหญ่ ให้ลองรอ 30 วันก่อนตัดสินใจซื้อ หากยังอยากได้อยู่ แสดงว่าอาจจะจำเป็นจริงๆ
- เลิกรับของแจกฟรีที่ไม่ต้องการ เรียนรู้ที่จะปฏิเสธของแจกฟรีที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดของสะสมโดยไม่รู้ตัว

4 ให้เวลากับตัวเองและใจดีกับตัวเอง

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เราอาจมีวันที่รู้สึกอยากทิ้งทุกอย่าง และบางวันก็รู้สึกอยากเก็บทุกอย่างไว้
- อย่ากดดันตัวเอง หากรู้สึกเครียดหรือติดขัดในขั้นตอนใด ให้พักก่อนแล้วค่อยกลับมาทำใหม่
- ฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ เมื่อจัดระเบียบพื้นที่เล็กๆ ได้สำเร็จ หรือได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวางสิ่งที่ไม่จำเป็น ให้ชื่นชมตัวเอง
- เรียนรู้จากความผิดพลาด หากเผลอซื้อของที่ไม่จำเป็นมาอีกครั้ง ก็แค่เรียนรู้จากมันแล้วเริ่มต้นใหม่ ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก

5 มองหามิติอื่นๆ ของมินิมอลลิสต์นอกเหนือจากสิ่งของ

Minimalist Lifestyle ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องสิ่งของเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมิติอื่นๆ ของชีวิตด้วย ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน
- Digital Minimalism จัดระเบียบไฟล์ในคอมพิวเตอร์ รูปภาพในโทรศัพท์ หรือเลิกติดตามบัญชีโซเชียลมีเดียที่ไม่สร้างประโยชน์
- Time Minimalism จัดตารางเวลาให้มีประสิทธิภาพ ลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีเวลาสำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆ
- Relationship Minimalism โฟกัสกับความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ แต่มีคนที่เข้าใจและสนับสนุนคุณจริงๆ
- Thought Minimalism ฝึกการลดความคิดฟุ้งซ่าน หรือการคิดลบ เพื่อให้จิตใจสงบมากขึ้น

 

Minimalist Lifestyle คือ การเดินทางที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ต้องรีบไปให้ถึง การเริ่มต้นโดยไม่รู้สึกเครียดคือการทำความเข้าใจปรัชญาของมัน การเริ่มจากสิ่งเล็กๆ การตั้งคำถามกับสิ่งของอย่างมีสติ และการให้เวลากับตัวเองในการปรับเปลี่ยน เมื่อคุณได้สัมผัสถึงความเบาสบาย ความสงบ และอิสระที่มาพร้อมกับชีวิตที่ปราศจากสิ่งรบกวน คุณจะพบว่านี่คือวิถีชีวิตที่ช่วยเพิ่มคุณค่าและความสุขให้กับคุณได้อย่างแท้จริง ลองเริ่มก้าวเล็กๆ วันนี้ แล้วคุณจะพบกับความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

 

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Minimalism: the new lifestyle changing our daily lives 
Minimalist Living ใช้ชีวิตแบบ “น้อยแต่มาก 
Minimalism เทรนด์ของคนรุ่นใหม่ เมื่อบ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นศูนย์กลางของชีวิต 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • channi kang
  • 0 Followers
  • Follow