การเรียนรู้ วิธีจัดสรรงบประมาณให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ เป็นเรื่องสำคัญในยุคที่ผู้คนมีความต้องการใช้ชีวิตในแบบของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายมินิมอล นักเดินทางฟรีแลนซ์ คนทำงานประจำ หรือแม้แต่นักลงทุน ทุกคนล้วนมีรูปแบบการใช้จ่ายที่แตกต่างกัน การวางแผนงบประมาณจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จเดียวกันได้กับทุกคน แต่ต้องปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล เพื่อให้สามารถใช้เงินอย่างมีความสุข โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงในระยะยาว
ไลฟ์สไตล์ของเรามีผลต่อการตัดสินใจทางการเงินในทุกวัน ตั้งแต่การเลือกร้านอาหาร การเดินทาง เสื้อผ้า การท่องเที่ยว หรือแม้แต่การเลือกที่อยู่อาศัย หากเราไม่รู้จักจัดสรรงบประมาณให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อาจทำให้เกิดปัญหาการเงิน เช่น การใช้เงินเกินตัว การไม่มีเงินออม หรือเป็นหนี้สินโดยไม่จำเป็น
- ใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ โดยไม่รู้สึกผิดหรือกดดัน
- ควบคุมรายจ่ายได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องตัดสิ่งที่สำคัญต่อความสุขออกไป
- เก็บออมได้อย่างต่อเนื่อง
- วางแผนชีวิตในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น เช่น ซื้อบ้าน ท่องเที่ยว หรือเกษียณก่อนวัย
ก่อนจะจัดงบประมาณให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ต้องรู้ก่อนว่าเราใช้ชีวิตอย่างไร ใช้เงินไปกับอะไรบ้างในแต่ละเดือน โดยสามารถทำได้ด้วยการ
ใช้แอปพลิเคชันหรือสมุดบันทึกจดรายละเอียดว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นเรื่องใด เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ค่ากาแฟ ค่าคอร์สเรียน ฯลฯ
เช่น ค่าใช้จ่ายจำเป็น (Fixed Expenses) ค่าใช้จ่ายยืดหยุ่น (Variable Expenses) และค่าใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัว (Lifestyle Spending)
การรู้ว่าค่าใช้จ่ายใดทำให้เรามีความสุขและค่าใช้จ่ายใดเป็นเพียงนิสัย จะช่วยให้จัดลำดับความสำคัญของงบประมาณได้ดีขึ้น
- 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าน้ำค่าไฟ
- 30% สำหรับค่าใช้จ่ายตามไลฟ์สไตล์ เช่น อาหารนอกบ้าน ท่องเที่ยว เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว
- 20% สำหรับการออมและลงทุน
หากเราเป็นคนที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น ฟรีแลนซ์ หรือคนทำงานอิสระ อาจต้องปรับสัดส่วนใหม่ เช่น
ออม 30% เพื่อความมั่นคง ไลฟ์สไตล์ลดเหลือ 20% ค่าใช้จ่ายจำเป็นคุมให้ไม่เกิน 50%
หากเราชอบดื่มกาแฟทุกวัน ชอบเดินทาง หรือเข้าฟิตเนส แทนที่จะหักดิบ ควรกำหนดงบไว้ เช่น 2,000 บาทต่อเดือนสำหรับกาแฟ เมื่อครบแล้วต้องหยุด ใช้การจำกัดวงเงินแทนการห้าม
บางเดือนอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เช่น เที่ยวปีใหม่ ของขวัญวันเกิด การตั้งงบยืดหยุ่นไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้ไม่ต้องเบียดเบียนงบหลัก หรือใช้เงินเกินตัว
หากมีเป้าหมาย เช่น ซื้อ gadget ใหม่ เดินทางต่างประเทศ หรือเรียนคอร์สเฉพาะทาง ให้ตั้งบัญชีแยกและสะสมไว้ เช่น เดือนละ 1,000–2,000 บาท จะทำให้ใช้จ่ายได้โดยไม่กระทบงบหลัก
1. สายมินิมอล (Minimalist)
ให้ความสำคัญกับของน้อยชิ้น แต่มีเราภาพ งบส่วนใหญ่อยู่ในค่าใช้จ่ายจำเป็นและเงินออม อาจให้ไลฟ์สไตล์ไม่เกิน 15-20% เพราะไม่เน้นของฟุ่มเฟือย
2. สายสุขภาพ
อาจมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับฟิตเนส อาหารคลีน หรือวิตามิน งบไลฟ์สไตล์อาจสูงขึ้น แต่สามารถลดในหมวดอื่นได้ เช่น งดการช้อปปิ้งหรือเที่ยวกลางคืน
3. สายเดินทางและประสบการณ์
ควรมีแผนการเงินชัดเจน และตั้งกองทุนท่องเที่ยวไว้โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้กระทบค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือหนี้สิน
4. สายงานหนักเก็บเงินเร็ว
อาจใช้หลัก 60/10/30 คือ ออม 60% ค่าใช้จ่ายจำเป็น 10% และไลฟ์สไตล์ 30% เพื่อผ่อนคลายจากการทำงานหนัก
- อย่าใช้ไลฟ์สไตล์ของผู้อื่นมาเป็นมาตรฐานของเรา
- ควรทบทวนงบประมาณอย่างน้อยทุกไตรมาส เพื่อปรับให้เข้ากับพฤติกรรมปัจจุบัน
- หลีกเลี่ยงการใช้เงินเกินงบด้วยบัตรเครดิตหรือซื้อก่อนจ่ายทีหลัง
- อย่าให้งบไลฟ์สไตล์กลายเป็นข้ออ้างในการเลี่ยงการออม
ใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ พร้อมอนาคตที่มั่นคง วิธีจัดสรรงบประมาณให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่การตัดชีวิตที่มีความสุขออก แต่คือการวางแผนให้เราใช้จ่ายอย่างมีเป้าหมาย และมีความสุขโดยไม่ต้องเป็นหนี้หรือรู้สึกผิด การรู้จักตนเอง เข้าใจพฤติกรรมการเงิน และกำหนดงบประมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในวันนี้ พร้อมกับสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคงในวันข้างหน้า
เพราะ ชีวิตที่ดี ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ต้องรู้จัก “วางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด” ให้สอดคล้องกับตัวเราเอง
แหล่งข้อมูล
7 Budgeting Methods to Take Control of Your Finances