Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การจัดการความเครียดและภาวะ Burnout

Posted By MyDream23 | 06 ส.ค. 68
4 Views

  Favorite

ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขันสูง การมี “การจัดการความเครียดและภาวะ Burnout” อย่างมีประสิทธิภาพคือทักษะที่สำคัญไม่แพ้ทักษะทางอาชีพ เพราะความเครียดสะสมและความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ไม่ได้เพียงทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย สมรรถภาพในการทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างรุนแรง หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลเรื้อรัง หรือแม้แต่การหมดไฟในชีวิต

การเข้าใจกลไกของความเครียดและ Burnout รวมถึงการมีวิธีรับมืออย่างเหมาะสม คือกุญแจสำคัญในการฟื้นคืนสมดุลให้กับชีวิต และรักษาเราภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

ความแตกต่างระหว่างความเครียดทั่วไปกับภาวะ Burnout

ความเครียด (Stress) เป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายเมื่อต้องรับมือกับแรงกดดัน เช่น งานเร่งด่วน ปัญหาส่วนตัว หรือสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หากได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ความเครียดสามารถช่วยกระตุ้นให้เราทำงานได้ดีขึ้น แต่ Burnout หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน คือภาวะที่ร่างกายและจิตใจอ่อนล้าเกินจุดที่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยการพักผ่อนตามปกติ มักเกิดจากความเครียดสะสมระยะยาวร่วมกับความรู้สึกไร้พลัง หมดหวัง และขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งต่างจากความเครียดชั่วคราว อาการของ Burnout มีทั้งด้านร่างกาย เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และด้านจิตใจ เช่น ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย ขาดสมาธิ หรือแม้แต่รู้สึกเบื่อชีวิตโดยไม่มีเหตุผล

สาเหตุของ Burnout ที่มักถูกมองข้าม

แม้ Burnout มักเกี่ยวข้องกับงาน แต่ต้นเหตุไม่ได้มาจากปริมาณงานเพียงอย่างเดียว ความรู้สึกขาดการควบคุม ไม่มีอิสรภาพในการตัดสินใจ ขาดการยอมรับหรือความสำเร็จในสิ่งที่ทำ ล้วนเป็นแรงผลักดันให้เกิดภาวะหมดไฟ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมที่แข่งขันสูง หรือขาดความสมดุลระหว่างชีวิตกับงาน ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน 

เทคนิคจัดการความเครียดและป้องกัน Burnout อย่างได้ผล

1. รู้จักสังเกตสัญญาณเตือนของร่างกายและจิตใจ

 อาการเล็ก ๆ เช่น ปวดหัวบ่อย นอนหลับไม่ลึก เหนื่อยตลอดวัน หรือขาดความสนใจในสิ่งที่เคยรัก อาจเป็นสัญญาณว่าเราเริ่มเข้าสู่ภาวะ Burnout การสังเกตและยอมรับสภาพความรู้สึกของตนเองเป็นขั้นตอนแรกในการเยียวยา

2. ปรับวิธีคิดและลดความคาดหวังที่กดดันตนเอง

 หลายคนมีมาตรฐานสูงเกินไปกับตัวเอง เช่น ต้องทำงานให้เสร็จทุกอย่างในวันเดียว หรือกลัวการปฏิเสธงาน ควรหัดตั้งขอบเขต เช่น “วันนี้ขอทำให้ดีที่สุดในขอบเขตเวลาที่มี” แทนที่จะพยายามทำให้สมบูรณ์แบบเสมอ

3. แบ่งเวลาพักผ่อนอย่างมีเราภาพ

 พักไม่ได้หมายถึงการเล่นมือถือระหว่างงาน แต่คือการ “ถอยออกมาอย่างตั้งใจ” เช่น ออกไปเดินเล่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือฝึกหายใจลึก ๆ เพื่อให้ระบบประสาทกลับสู่ภาวะสมดุล ควรมีวันพักอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ที่เราไม่ต้องแตะงานเลย

4. สร้างกิจวัตรที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ

 กิจกรรมเล็ก ๆ เช่น จิบกาแฟเงียบ ๆ ตอนเช้า ดูพระอาทิตย์ตก ฟังเสียงธรรมชาติ หรือการฝึกสติ (Mindfulness) สามารถช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน ลดความวิตกกังวล และชะลอความคิดลบที่ทำให้เหนื่อยใจ

5. จัดลำดับความสำคัญและกล้าปฏิเสธเมื่อจำเป็น

 หากงานล้นมือ ลองเขียนสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดแล้วจัดลำดับความสำคัญ เริ่มจากสิ่งสำคัญจริง ๆ และกล้าปฏิเสธงานที่ไม่ใช่หน้าที่ หรือไม่ตรงกับเป้าหมายหลัก เพราะการปฏิเสธคือการปกป้องพลังงานของเราในระยะยาว

6. ใช้พลังของการออกกำลังกายและโภชนาการ

 การออกกำลังกาย เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือการยืดเหยียดเบา ๆ ช่วยกระตุ้นสารเอ็นดอร์ฟินที่ทำให้รู้สึกดี ในขณะที่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีโอเมก้า-3 แมกนีเซียม หรือวิตามิน B รวม สามารถเสริมสมดุลเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ได้อย่างดี

7. เปิดใจพูดคุยกับผู้อื่นหรือขอความช่วยเหลือ

 บางครั้งการพูดคุยกับคนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เป็นวิธีปลดปล่อยและหาทางออกที่ได้ผลที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่เรารู้สึกหมดหนทาง การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญในการดูแลตัวเอง

8. ทบทวนเราค่าชีวิตและความหมายของสิ่งที่ทำ

 คนที่ Burnout มักรู้สึกว่าสิ่งที่ทำ “ไม่มีความหมาย” การกลับมาทบทวนว่าเราทำงานนี้ไปเพื่ออะไร และมีเป้าหมายชีวิตใดที่ใหญ่กว่านั้น อาจช่วยจุดไฟให้กับชีวิตอีกครั้ง บางคนพบแรงบันดาลใจจากการช่วยเหลือผู้อื่น หรือการตั้งเป้าหมายใหม่ที่สอดคล้องกับความเชื่อของตนเอง

เมื่อใดควรพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

หากเรามีอาการต่อเนื่อง เช่น รู้สึกหมดพลังมากกว่า 2 สัปดาห์ติดต่อกัน มีความคิดลบต่อชีวิต หรือมีภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง ควรปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา เพื่อรับคำแนะนำและการบำบัดอย่างเหมาะสม เพราะบางครั้งการพักผ่อนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการฟื้นฟู

 

ความเครียดคือสัญญาณ ไม่ใช่ศัตรู ความเครียดไม่ใช่เรื่องที่ต้องหลีกเลี่ยงตลอดเวลา แต่คือสัญญาณเตือนให้เรากลับมาทบทวนชีวิตใหม่ “การจัดการความเครียดและภาวะ Burnout” อย่างมีสตินั้นสามารถเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ เช่น การหยุดพัก การตั้งขอบเขต การหายใจช้า ๆ และการยอมรับว่าชีวิตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป

เมื่อเราเริ่มให้ความสำคัญกับความสุขภายในไม่แพ้ความสำเร็จภายนอก เราจะพบว่าชีวิตที่สมดุลและเต็มไปด้วยพลังนั้นอยู่ใกล้กว่าที่คิด และสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยมือของเราเองในทุกวัน

 

 

แหล่งข้อมูล

ภาวะหมดไฟ (Burnout syndromes) 

Burnout เหนื่อยล้าเกินไป..สู่ภาวะหมดไฟ 

Burnout Symptoms, Treatment, and Tips on How to Deal 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • MyDream23
  • 0 Followers
  • Follow