หลายคนอาจรู้สึกกลัว สับสน หรือแม้แต่โกรธในช่วงที่โลกตกอยู่ในภาวะสงคราม ความรู้สึกเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ การปฏิเสธหรือพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช่วิธีที่ดีในระยะยาว แต่การยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเช่นไร คือก้าวแรกของการดูแลจิตใจ ให้กลับมาอยู่ในภาวะปกติ ลองจดบันทึกความรู้สึก หรือพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ การระบายจะช่วยให้จิตใจเบาสบาย และลดความเครียดที่สะสมในจิตใจโดยไม่รู้ตัว
การติดตามข่าวสารเป็นสิ่งจำเป็น แต่การรับข้อมูลมากเกินไป โดยเฉพาะข้อมูลเชิงลบจากวิกฤติสงคราม อาจทำให้จิตใจยิ่งเครียดและวิตกกังวลมากขึ้น การจำกัดเวลาในการเสพข่าว เช่น วันละ 15-30 นาที และเลือกแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ จะช่วยลดภาระทางจิตใจ และทำให้เรายังคงมีสติในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นี่คือหนึ่งในวิธีป้องกัน ผลกระทบของจิตใจที่สามารถทำได้ง่ายในชีวิตประจำวัน
ในช่วงเวลาที่ชีวิตเปลี่ยนไปจากวิกฤติ การสร้างกิจวัตรประจำวันที่มั่นคงและมีความหมายจะช่วยให้จิตใจรู้สึกปลอดภัย เช่น
- การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินเล่น โยคะ หรือเต้นตามคลิปวิดีโอ
- การนั่งสมาธิหรือฝึกสติ วันละ 5-10 นาที หรือการฝึกหายใจลึก ๆ ช้า ๆ จะช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติของร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล ลดอาการตื่นตระหนกและวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การอ่านหนังสือหรือฟังพอดแคสต์แนวให้กำลังใจ
- ทำงานอดิเรก เช่น วาดภาพ ปลูกต้นไม้ หรือทำอาหาร
กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเยียวยาจิตใจ และสร้างสมดุลในชีวิตใหม่หลังความขัดแย้งได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ดี
หากเรารู้สึกว่าจิตใจยังไม่สามารถกลับมามั่นคงได้ด้วยตัวเอง อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา นักบำบัด หรือหน่วยงานให้คำปรึกษาด้านจิตใจในพื้นที่ การได้รับคำแนะนำ หรือแม้แต่เพียงแค่ได้พูดคุย อาจช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น และนำไปสู่การฟื้นฟูจิตใจได้เร็วขึ้น การดูแลจิตใจไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเพียงลำพัง
บ้านหรือห้องพักของเรา ควรเป็นพื้นที่ที่รู้สึกปลอดภัยที่สุด การจัดสภาพแวดล้อมให้ดูอบอุ่น น่าอยู่ หรือแม้แต่การตกแต่งเล็กน้อย ก็มีผลอย่างมากต่อการเยียวยาใจในช่วงนี้ ลองปรับแนวทางดังนี้
- จัดโต๊ะทำงานหรือมุมนั่งเล่นให้เรียบร้อย
- ปลูกต้นไม้หรือเพิ่มของตกแต่งที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
- ใช้กลิ่นหอมจากธรรมชาติ เช่น ลาเวนเดอร์ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบ