หลายคนใฝ่ฝันถึงการมี ชีวิตหลังเกษียณ ที่สุขสบาย ปราศจากความกังวลเรื่องเงินทอง แต่คำถามที่ค้างคาใจอยู่เสมอคือ "แล้วฉันจะต้องมี เงินเกษียณอายุต้องมีเท่าไหร่ กันแน่?" ตัวเลขนี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นเป้าหมายที่สามารถคำนวณได้ และการรู้ตัวเลขนี้คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคต
บทความนี้จะพาเราไปเรียนรู้ วิธีคำนวณเงินเกษียณ แบบง่ายๆ เป็นขั้นตอน พร้อมตัวอย่างที่เข้าใจได้ เพื่อให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวางแผนการออมได้อย่างมั่นคง
การรู้ว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ในวันเกษียณเปรียบเสมือนการมีแผนที่นำทาง หากไม่มีตัวเลข เราก็เหมือนกับเดินเรือกลางมหาสมุทรโดยไม่มีจุดหมาย การคำนวณจะช่วยให้เรา
- เปลี่ยนเป้าหมายให้จับต้องได้ จากความฝัน vague ๆ ที่อยากมีชีวิตสบาย ๆ ให้กลายเป็นตัวเลขที่ชัดเจนว่าต้องมีเงินกี่ล้านบาท
- วางแผนการออมและการลงทุน เมื่อรู้เป้าหมาย เราจะสามารถวางแผนย้อนกลับได้ว่าต้องออมและลงทุนเดือนละเท่าไหร่เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น
- ลดความกังวล การมีแผนที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามั่นใจและคลายความกังวลเรื่องอนาคตลงได้
มาเริ่มลงมือคำนวณไปพร้อมๆ กันเลย
เริ่มต้นด้วยการประเมินว่าเราจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ต่อปีในชีวิตหลังเกษียณ โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา 3 อย่าง
1. ค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ลองคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนในปัจจุบันของเราให้เป็นค่าใช้จ่ายต่อปี (เช่น ค่ากิน, ค่าเดินทาง, ค่าที่พักอาศัย, ค่ารักษาพยาบาล)
2. การปรับเปลี่ยนในอนาคต บางค่าใช้จ่ายอาจลดลง เช่น ค่าเดินทางไปทำงาน ในขณะที่บางค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้น เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ดังนั้นให้ปรับตัวเลขให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เราต้องการ
3. พลังของเงินเฟ้อ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องนำ "เงินเฟ้อ" หรือค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาคิดรวมด้วย ยกตัวอย่าง หากปัจจุบันค่าใช้จ่ายของเราคือ 30,000 บาท/เดือน และเราจะเกษียณในอีก 30 ปีข้างหน้า ด้วยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 3% ต่อปี ค่าใช้จ่ายของเราในวันนั้นจะสูงถึงประมาณ 72,000 บาท/เดือน เลยทีเดียว
เมื่อได้ตัวเลขค่าใช้จ่ายต่อปีในอนาคตแล้ว เราจะใช้ "กฎ 25" (Rule of 25) ซึ่งเป็นหลักการที่นักวางแผนการเงินทั่วโลกนิยมใช้ในการคำนวณเงินที่ต้องมีทั้งหมด
- วิธีคิด : (ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณต่อปี) x 25 = เงินออมที่ต้องมีทั้งหมด
- ที่มาของกฎ 25 : หลักการนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า หากเรามีเงินเท่ากับ 25 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อปี เราจะสามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ 4% ของเงินทั้งหมดในแต่ละปี โดยที่เงินต้นของเราจะยังคงอยู่และเติบโตต่อไปในระยะยาว
ขั้นตอนนี้จะทำให้เราเห็นภาพว่าเราอยู่ห่างจากเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน
- รวบรวมเงินออมที่มีอยู่ คำนวณเงินออมที่เรามีอยู่แล้วในทุกช่องทาง เช่น เงินฝาก, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund), เงินจากกองทุนประกันสังคม (ในส่วนของเงินบำนาญ)
- หา "ช่องว่างที่ต้องเติมเต็ม" นำ เงินออมที่ต้องมีทั้งหมด (จากขั้นตอนที่ 2) มาลบด้วย เงินออมที่มีอยู่แล้ว (จากขั้นตอนที่ 3) ตัวเลขที่เหลือคือ "ช่องว่าง" ที่เราต้องวางแผนหามาเติมเต็มด้วยการออมและการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
สมมติ : สมหญิง อายุ 30 ปี ต้องการเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีชีวิตถึงอายุ 85 ปี
ขั้นตอนที่ 1 ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายปีละ 360,000 บาท (30,000 บาท/เดือน) เมื่อคำนวณเงินเฟ้อ 3% ต่อปี ค่าใช้จ่ายของเธอเมื่อเกษียณจะอยู่ที่ประมาณ 870,000 บาท/ปี
ขั้นตอนที่ 2 (870,000 บาท/ปี) x 25 = 21,750,000 บาท ดังนั้น เงินออมเกษียณ ที่เราสมหญิงต้องมีคือประมาณ 21.75 ล้านบาท
ขั้นตอนที่ 3 สมหญิงคาดว่าจะมีเงินจากกองทุนประกันสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรวมกันประมาณ 5 ล้านบาท เงินออมที่ต้องมีทั้งหมด (21.75 ล้าน) - เงินออมที่มีอยู่แล้ว (5 ล้าน) = 16.75 ล้านบาท ดังนั้น "ช่องว่าง" ที่เราสมหญิงต้องเติมเต็มด้วยตัวเองคือ 16.75 ล้านบาทในอีก 30 ปีข้างหน้า
การคำนวณ เงินเกษียณอายุต้องมีเท่าไหร่ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้เครื่องมือช่วยคำนวณ ปัจจุบันมีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้เราคำนวณตัวเลขเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
- เริ่มต้นออมและลงทุนตั้งแต่วันนี้ เมื่อรู้เป้าหมายแล้ว ให้เริ่มออมและ ลงทุนเพื่อเกษียณ อย่างมีวินัย ตั้งแต่ตอนนี้ แม้จะเป็นเงินจำนวนน้อยๆ ก็ตาม เพราะพลังของดอกเบี้ยทบต้นจะช่วยให้เงินของเรางอกเงยไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด
การมีแผนที่ชัดเจนจะช่วยให้เราควบคุมอนาคตของตัวเองได้ และทำให้ความฝันของ เกษียณสุข เป็นจริงได้ไม่ยาก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
เข้าใจเงินเกษียณอายุคืออะไร พร้อมวิธีคิดเงินเกษียณ 400 วัน
การวางแผนเกษียณ
อยากเกษียณแบบสุขใจ ควรเตรียมเงินไว้เท่าไรดี?