Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ลดหย่อนภาษียังไงให้คุ้มที่สุด? เทคนิคเลือกใช้สิทธิ์เพื่อลดภาระทางการเงิน

Posted By MyDream23 | 21 ก.ค. 68
15 Views

  Favorite

ปัญหาเรื่องภาษีเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวให้กับมนุษย์เงินเดือนหลายคน โดยเฉพาะเมื่อถึงช่วงปลายปีที่ต้องรีบหาตัวช่วยเพื่อลดหย่อนภาษี แต่คำถามที่แท้จริงไม่ใช่แค่ "ซื้ออะไรดี?" แต่คือ "ลดหย่อนภาษียังไงให้คุ้มที่สุด?" การเลือกใช้สิทธิ์ลดหย่อนอย่างชาญฉลาดคือการวางแผนทางการเงินที่ช่วยลดภาระในวันนี้และสร้างความมั่นคงในวันหน้า

บทความนี้จะพาเราไปรู้จักกับ เทคนิคเลือกใช้สิทธิ์เพื่อลดภาระทางการเงิน อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เราสามารถจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเปลี่ยนค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนให้กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับชีวิตของเรา

 

ค่าลดหย่อนภาษีคืออะไร?

ค่าลดหย่อนภาษี คือสิทธิประโยชน์ที่รัฐมอบให้แก่ผู้เสียภาษีเพื่อนำไปหักออกจากรายได้สุทธิ (รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย) ทำให้ฐานในการคำนวณภาษีลดลง และส่งผลให้ภาษีที่ต้องจ่ายลดลงตามไปด้วย การทำความเข้าใจประเภทของค่าลดหย่อนจะช่วยให้เราสามารถวางแผนภาษีได้อย่างเหมาะสม เราสามารถแบ่งกลุ่มค่าลดหย่อนออกเป็น 3 กลุ่มหลัก เพื่อให้ง่ายต่อการวางแผนเชิงกลยุทธ์

กลุ่มที่ 1 : ลดหย่อนอัตโนมัติ (Basic & Family Allowances) สิทธิ์ลดหย่อนที่สำคัญที่สุดและทุกคนควรใช้ เพราะเป็นสิทธิ์ที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้เงินเพิ่ม
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว : 60,000 บาท (ทุกคนใช้ได้)
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส : 60,000 บาท (สำหรับคู่สมรสที่ไม่มีรายได้)
- ค่าลดหย่อนบุตร : 30,000 บาท/คน
- ค่าลดหย่อนบิดามารดา: 30,000 บาท/คน (ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี)

กลุ่มที่ 2 : ลดหย่อนจากภาระและค่าใช้จ่าย (Existing Expenses) สิทธิ์ลดหย่อนที่มาจากค่าใช้จ่ายที่เรามีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน
- ค่าเบี้ยประกันสังคม : ตามที่จ่ายจริง (สูงสุด 9,000 บาท/ปี)
- เบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพ : ของตนเอง(สูงสุด 100,000 บาท) และของบิดามารดา(สูงสุด 15,000 บาท)
- ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัย : ตามที่จ่ายจริง (สูงสุด 100,000 บาท)

กลุ่มที่ 3 : ลดหย่อนจากการออมและการลงทุน (Savings & Investment) สิทธิ์ลดหย่อนที่ต้องเลือกใช้ด้วยความตั้งใจและเป็นกลยุทธ์ เพราะเป็นการเปลี่ยนเงินที่ต้องจ่ายภาษีให้กลายเป็นเงินออมหรือเงินลงทุนเพื่ออนาคต
- กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (มีเงื่อนไขการถือครอง)
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เพื่อการเกษียณ)
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท

เทคนิคการเลือกใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้ "คุ้มที่สุด"

การ ลดหย่อนภาษีคุ้มค่า ไม่ใช่แค่การซื้อผลิตภัณฑ์ที่ลดหย่อนได้ แต่คือการจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งด้านภาษีและด้านการเงินส่วนบุคคล

1. เคลียร์สิทธิ์ลดหย่อนกลุ่มที่ 1 และ 2 ให้ครบถ้วนก่อน นี่คือขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุด เพราะเป็นค่าลดหย่อนที่เราได้มาฟรีๆ หรือเป็นค่าใช้จ่ายที่เรามีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน อย่าปล่อยให้สิทธิเหล่านี้หลุดลอยไป
2. คำนวณ "เงินได้สุทธิ" ที่ต้องจ่ายภาษี หลังจากหักค่าลดหย่อนในกลุ่มที่ 1 และ 2 แล้ว ให้ลองคำนวณเงินได้สุทธิที่เหลืออยู่ (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อนกลุ่ม 1 และ 2) ตัวเลขนี้คือฐานภาษีที่เราต้องจัดการด้วยการเลือกใช้สิทธิ์ในกลุ่มที่ 3 ต่อไป
3. เลือกใช้สิทธิ์ลดหย่อนกลุ่มที่ 3 อย่างมีกลยุทธ์ นี่คือช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจอย่างชาญฉลาด โดยพิจารณาจากเป้าหมายทางการเงินและช่วงชีวิตของเราเป็นหลัก
- สำหรับมือใหม่หัดออม หากเราเพิ่งเริ่มต้นและยังไม่มีเป้าหมายการเงินที่ชัดเจนมากนัก ให้พิจารณา SSF เป็นอันดับแรก เพราะมีเงื่อนไขการถือครองที่ยืดหยุ่นกว่า RMF และสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในระยะกลางและระยะยาว
- สำหรับคนที่มีเป้าหมายเกษียณ หากเราวางแผนเกษียณอายุอย่างจริงจัง RMF คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะเป็นการลงทุนระยะยาวที่ช่วยสร้างวินัยในการออมเพื่ออนาคต
- สำหรับคนที่ต้องการความมั่นคง พิจารณาเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและช่วยลดหย่อนภาษีได้
- สำหรับคนที่ยังมีภาระหนี้สิน ให้ความสำคัญกับการปิดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน เพราะการลดหนี้คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินในระยะยาวของเราได้อย่างมหาศาล

4. ใช้สิทธิ์ลดหย่อนเพื่อ "ปิดท้าย" หากเรายังเหลือเงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษีอยู่ หลังจากใช้สิทธิ์ลดหย่อนทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว เราสามารถพิจารณาใช้สิทธิ์ลดหย่อนจากการบริจาคเพื่อเติมให้เต็มได้

ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม

1. อย่าซื้อเพื่อลดหย่อนอย่างเดียว ก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ควรศึกษาให้ดีว่าผลิตภัณฑ์นั้นตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของเราหรือไม่ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการลดภาษีแต่เพียงอย่างเดียว
2. ตรวจสอบเงื่อนไขให้ดี ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทมีเงื่อนไขการถือครองและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน
3. วางแผนล่วงหน้าตลอดปี การวางแผนภาษีไม่ควรเป็นเรื่องที่ทำในเดือนสุดท้ายของปี แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินตลอดทั้งปี เพื่อให้เรามีเวลาเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและทยอยลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ

 

การ วางแผนภาษี ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากและน่าปวดหัวอีกต่อไป หากเรารู้จัก สิทธิลดหย่อน ของตัวเองอย่างครบถ้วนและสามารถเลือกใช้ได้อย่างชาญฉลาด การลดภาระภาษีจะเป็นเรื่องง่าย และเราจะสามารถนำเงินส่วนที่ประหยัดได้ไปสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคตได้อย่างแท้จริง

 

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ลดหย่อนภาษี ปี 2567 : ทุกเรื่องที่ต้องรู้ รวบรวมมาให้แล้ว!

ยื่นภาษี 2568 คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้มีเงินได้ พร้อมเคล็ดลับลดหย่อนภาษี 

มนุษย์เงินเดือนวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างไรให้คุ้ม 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • MyDream23
  • 0 Followers
  • Follow