ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งการทำงานอย่างเต็มตัว! การได้รับเงินเดือนก้อนแรกถือเป็นก้าวสำคัญในชีวิต ที่มาพร้อมกับความรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกังวลใจว่าจะบริหารจัดการเงินอย่างไรให้คุ้มค่าและไม่หมดไปอย่างรวดเร็ว ใครที่กำลังมองหาแนวทางเพื่อเริ่มต้นสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคง บทความนี้จะพาไปรู้จักกับหลักการง่าย ๆ แต่ทรงพลังในการ จัดการเงินเดือน ให้เป็นระบบ เพื่อให้เรามีเงินใช้ เงินออม และเงินลงทุนได้อย่างสบายใจตั้งแต่ก้าวแรก

3 สิ่งที่ต้องทำทันทีที่เงินเดือนออก

นี่คือกฎเหล็กที่ควรยึดถือในวันเงินเดือนออก เพราะหากเราปล่อยให้เงินนอนอยู่ในบัญชีเฉยๆ มันจะถูกใช้จ่ายไปกับสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัว

1. จ่ายให้ตัวเองก่อนเสมอ (Pay Yourself First)

นี่คือหลักการที่สำคัญที่สุด จงแยกเงินส่วนหนึ่งออกมาเพื่อ "ออม" ก่อนที่จะนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น การกำหนดสัดส่วนการออมที่ชัดเจนตั้งแต่แรก เช่น 10% หรือ 15% ของเงินเดือน จะช่วยให้เรามีวินัยทางการเงินโดยอัตโนมัติ เราอาจตั้งค่าการโอนเงินอัตโนมัติจากบัญชีเงินเดือนไปยังบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีลงทุนทันทีในวันเงินเดือนออก เพื่อป้องกันไม่ให้เราเผลอใช้เงินในส่วนนี้

2. จ่ายบิลที่จำเป็นทั้งหมด

หลังจากจ่ายให้ตัวเองแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำคือจัดการกับค่าใช้จ่ายประจำเดือนที่จำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน/หอพัก, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าผ่อนชำระต่างๆ หรือค่าเดินทาง วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นจำนวนเงินที่เหลืออยู่จริงสำหรับใช้จ่ายส่วนตัว และป้องกันไม่ให้เราใช้เงินเพลินจนไม่มีเงินพอจ่ายบิลสำคัญ

3. กันเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อความสุข

การออมเงินอย่างเคร่งครัดจนเกินไปอาจทำให้ท้อแท้และหลุดจากแผนได้ง่าย ดังนั้น ควรจัดสรรเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อใช้จ่ายกับความสุขส่วนตัวที่ชื่นชอบ เช่น ค่าดูหนัง, ค่าช้อปปิ้ง, หรือค่าสังสรรค์ การมีเงินส่วนนี้จะช่วยให้การบริหารเงินเป็นเรื่องที่ยั่งยืนและทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง

สร้างรากฐานให้มั่นคงกับ 3 เสาหลักของการบริหารเงิน

เมื่อเราเริ่มมีวินัยในการ บริหารเงินเดือน ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแรง ซึ่งเปรียบเสมือนเสาหลักที่รองรับบ้าน

เสาหลักที่ 1 สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน

เงินสำรองฉุกเฉินคือเงินเก็บก้อนแรกที่สำคัญที่สุด มันทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันทางการเงินในกรณีที่เราต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ตกงาน, เจ็บป่วยกระทันหัน, หรือรถเสีย เงินส่วนนี้ควรเก็บไว้ในบัญชีที่สามารถถอนออกมาใช้ได้ง่าย แต่ไม่ควรเป็นบัญชีเดียวกับเงินเดือน เพื่อป้องกันการใช้จ่ายโดยไม่ตั้งใจ เป้าหมายคือการเก็บเงินให้ได้เท่ากับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเรา 3-6 เดือน

เสาหลักที่ 2 ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน

การออมเงินแบบไร้จุดหมายมักจะล้มเหลวได้ง่าย ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า "อยากออมเงินไปทำอะไร?" การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและทำให้เรามีแรงจูงใจในการออมมากขึ้น 

เสาหลักที่ 3 เลือกวิธีการจัดสรรเงินที่ใช่สำหรับเรา

การทำบัญชีรายรับรายจ่ายอาจฟังดูยุ่งยากสำหรับมือใหม่ ลองใช้วิธีจัดสรรเงินที่ง่ายและเป็นระบบดู เช่น
- กฎ 50/30/20 จัดสรรเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วน คือ 50% สำหรับสิ่งที่จำเป็น (ค่าบ้าน, ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร), 30% สำหรับสิ่งที่ต้องการ (ดูหนัง, ช้อปปิ้ง, ค่ากาแฟ), และ 20% สำหรับการออมและการลงทุน วิธีนี้ทำให้เรามีกรอบในการใช้เงินที่ชัดเจนและยืดหยุ่น
- ระบบบัญชีซองจดหมาย (Envelope System) สำหรับคนที่ชอบใช้เงินสด ลองแบ่งเงินตามประเภทค่าใช้จ่ายใส่ซองแยก เช่น ซองค่าเดินทาง, ซองค่าอาหาร, ซองค่าความบันเทิง และใช้เงินตามที่แบ่งไว้ในแต่ละซอง วิธีนี้ช่วยให้เราเห็นการใช้จ่ายของตัวเองได้อย่างชัดเจน

ยกระดับสู่มืออาชีพ ทำเงินให้งอกเงย

เมื่อเรามีเงินสำรองและมีวินัยในการ ออมเงินมนุษย์เงินเดือน ได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการทำให้เงินของเราทำงานแทนเราผ่านการลงทุน เช่น
- ทำความเข้าใจหนี้สิน (ถ้ามี) หากเรามีหนี้สิน เช่น หนี้กยศ. หรือหนี้บัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยสูง ควรจัดสรรเงินส่วนหนึ่งเพื่อชำระหนี้เหล่านี้ก่อน เพราะการลดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดอย่างหนึ่ง
- เริ่มลงทุนแบบสม่ำเสมอ การลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับมนุษย์เงินเดือน เราสามารถเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ได้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน (Dollar Cost Averaging - DCA) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาดได้ดี
- กองทุนรวม เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการให้ และสามารถลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทได้แม้มีเงินไม่มาก
- กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) / กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) นอกจากจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มพูนเงินออมเพื่อการเกษียณแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

เทคโนโลยีและนิสัยเล็กๆ ที่ช่วยให้การจัดการเงินง่ายขึ้น

- ใช้แอปพลิเคชันบริหารเงิน มีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยบันทึกรายรับรายจ่าย และช่วยให้เราเห็นภาพรวมทางการเงินของตัวเองได้ง่ายขึ้น
- ทบทวนแผนการเงินเป็นประจำ ควรทบทวนและปรับเปลี่ยนแผนการเงินของเราทุก 3-6 เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับรายรับและเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไป

การเริ่มต้น วางแผนการเงิน ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเงินเดือนเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง มันไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามีเงินใช้ได้อย่างสบายใจในวันนี้ แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงและอิสรภาพทางการเงินในอนาคตอีกด้วย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
เตรียมเก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้อย่างไรดี
ทำไมต้องมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 
มือใหม่เริ่มลงทุน 
วิธีการลงทุนสำหรับมือใหม่ เริ่มต้นลงทุนควรลงทุนอะไรดี