2 Views
Favorite
ในยุคที่การทำงานแบบ Work from Home กลายเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่จำนวนมากต้องรับบทบาทสองอย่างพร้อมกันคือเป็น “พนักงานมืออาชีพ” และ “ผู้ปกครองที่ใส่ใจ” การสร้าง Work-Life Balance กับเทคนิคบริหารเวลา ทำงานไป เลี้ยงลูกไป จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่หลายคนกำลังค้นหา เพราะความท้าทายไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จ แต่คือต้องทำอย่างไรให้ทั้งงานและการเลี้ยงลูกเดินไปด้วยกันได้โดยไม่เสียอย่างใดอย่างหนึ่ง หลายคนประสบปัญหางานล้น การประชุมที่ไม่จบสิ้น เสียงเด็กร้องขัดจังหวะ หรือลูกเรียกร้องความสนใจจนสมาธิแตก การพยายาม “เป็นทุกอย่าง” โดยไม่มีแผนที่ชัดเจนจึงมักจบลงด้วยความเหนื่อยล้าและรู้สึกผิดทั้งกับงานและกับลูก
บทความนี้จึงชวนมาวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนว่า “Work-Life Balance กับเทคนิคบริหารเวลา ทำงานไป เลี้ยงลูกไป” ต้องเริ่มอย่างไร ทำไมถึงสำคัญ และมีเคล็ดลับอะไรที่ใช้ได้จริงสำหรับครอบครัวยุคใหม่
การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของวันและจัดสรรเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างตารางเวลาที่ยืดหยุ่น กำหนดช่วงเวลาสำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง และช่วงเวลาที่สามารถแบ่งไปดูแลลูกได้ หรือช่วงเวลาที่ลูกหลับ
- ใช้ปฏิทินและแอปพลิเคชัน บันทึกนัดหมายการทำงาน กิจกรรมของลูก และเวลาพักผ่อนส่วนตัวในปฏิทินหรือแอปพลิเคชันเพื่อช่วยเตือนความจำและจัดระเบียบ
- วางแผนงานบ้านล่วงหน้า จัดการงานบ้านที่สามารถทำได้ล่วงหน้า เช่น เตรียมอาหาร หรือจัดเสื้อผ้า เพื่อประหยัดเวลาในแต่ละวัน
เมื่อมีเวลาจำกัด การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้โดยไม่รู้สึกว่าต้องทุ่มเททั้งหมด
- กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ก่อนเริ่มงานแต่ละวัน ให้กำหนดเป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณโฟกัสและไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น
- ใช้เทคนิค Pomodoro ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที เทคนิคนี้ช่วยให้คุณคงสมาธิได้ดีขึ้นและยังสามารถแบ่งเวลาไปดูแลงลูกได้ในระหว่างพัก
- จัดการสิ่งรบกวน ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นบนโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ หรือจัดพื้นที่ทำงานที่เงียบสงบเท่าที่จะทำได้
- ทำงานแบบ Multi-tasking อย่างชาญฉลาด เลือกงานที่สามารถทำไปพร้อมกับการดูลูกได้ เช่น ตอบอีเมลในขณะที่ลูกเล่นอยู่ใกล้ๆ หรือฟังการประชุมทางโทรศัพท์ในขณะที่กำลังป้อนอาหารให้ลูก
สภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยลดความตึงเครียดและเพิ่มความสะดวกสบาย
- จัดพื้นที่ทำงานที่เหมาะสม หากเป็นไปได้ ควรมีมุมทำงานที่แยกจากพื้นที่เล่นของลูก เพื่อให้คุณสามารถจดจ่อกับงานได้ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นลูกได้
- เตรียมกิจกรรมให้ลูก เตรียมของเล่น กิจกรรม หรือหนังสือที่ลูกชื่นชอบไว้ใกล้ๆ เพื่อให้ลูกมีอะไรทำในขณะที่คุณทำงาน
- ใช้ตัวช่วยจากเทคโนโลยี อุปกรณ์บางอย่าง เช่น กล้องวงจรปิดสำหรับเด็ก (Baby Monitor) หรือเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ สามารถช่วยแบ่งเบาภาระและให้คุณมีเวลาทำงานมากขึ้น
คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว การมีเครือข่ายสนับสนุนที่แข็งแกร่งจะช่วยให้การบริหารจัดการเวลาง่ายขึ้น
- สื่อสารกับคู่สมรส/คนในครอบครัว แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในการดูแลลูกและงานบ้านอย่างชัดเจน พูดคุยกันถึงความคาดหวังและความต้องการของแต่ละฝ่าย
- ขอความช่วยเหลือจากญาติหรือเพื่อน หากมีโอกาส ลองขอความช่วยเหลือจากปู่ย่าตายาย ญาติ หรือเพื่อนสนิทให้ช่วยดูแลลูกเป็นครั้งคราว เพื่อให้คุณมีเวลาทำงานหรือพักผ่อน
- พิจารณาผู้ช่วยดูแลเด็ก หากงบประมาณเอื้ออำนวย การจ้างพี่เลี้ยงเด็ก หรือการส่งลูกเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กช่วงสั้นๆ ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก
การมี Work-Life Balance ที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเอง
- หาเวลาพักผ่อนสั้นๆ แม้จะเป็นเพียง 5-10 นาที ก็สามารถช่วยให้คุณผ่อนคลายและกลับมามีสมาธิได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนไม่พอจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและอารมณ์อย่างมาก
- ทำกิจกรรมที่ชอบ จัดสรรเวลาส่วนตัวเพื่อทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือดูหนัง เพื่อเติมพลังให้ตัวเอง
- ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยอมรับว่าบางครั้งก็มีวันที่ไม่เป็นไปตามแผน และอย่าตำหนิตัวเองมากเกินไป
Work-Life Balance กับเทคนิคบริหารเวลา ทำงานไป เลี้ยงลูกไป ไม่ได้แปลว่าต้องทำงานได้ 100% และเลี้ยงลูกได้สมบูรณ์พร้อมทุกนาที แต่คือการวางแผนอย่างมีสติ จัดลำดับความสำคัญ สื่อสารกับครอบครัว ใช้เทคโนโลยีช่วย และให้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ โดยไม่ลืมดูแลตัวเอง เมื่อพ่อแม่จัดการเวลาได้อย่างสมดุล ทั้งงานและครอบครัวจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุขและยั่งยืน
แหล่งข้อมูล
How to คุณแม่ยุคใหม่ ทำงานเก่ง เลี้ยงลูกเป็นเลิศ
ทำงานไป เลี้ยงลูกไป ทำไงดี? ...Work From Home แบบนี้
