แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่การทำงานราชการ ก็ยังมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนหลายประการ เช่น
- ความมั่นคงในตำแหน่งงาน การเลิกจ้างหรือลดตำแหน่งเกิดขึ้นยากมาก
- เงินเดือนประจำและระบบขั้นเงินเดือนชัดเจน
- สวัสดิการครอบคลุม เช่น ค่ารักษาพยาบาล สิทธิ์ลาพักร้อน ลาคลอด
- บำเหน็จบำนาญหลังเกษียณ ซึ่งเอกชนหลายแห่งไม่มี
คำตอบคือ “อาจไม่เหมือนเดิมเสมอไป” เพราะหลายหน่วยงานภาครัฐเริ่มนำระบบ AI และระบบอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ในงานที่ซ้ำซาก เช่น
- ระบบคัดกรองเอกสาร
- การประมวลผลข้อมูลทางบัญชีและงบประมาณ
- การตอบคำถามอัตโนมัติในงานบริการประชาชน
- การเก็บข้อมูลภาคสนามผ่าน IoT และ AI
ส่งผลให้ตำแหน่งที่เน้นงานเอกสาร งานประจำที่ไม่มีการวิเคราะห์ อาจถูกลดความสำคัญลง หรือไม่จำเป็นต้องใช้คนทำในอนาคต
- สายงานวิเคราะห์และนโยบาย – งานที่ต้องใช้ความเข้าใจเชิงลึก ไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยระบบอัตโนมัติ
- ข้าราชการครู – แม้จะมี EdTech แต่การสอนแบบมีปฏิสัมพันธ์ยังคงจำเป็น
- แพทย์ พยาบาล สาธารณสุข – ต้องอาศัยการตัดสินใจจากประสบการณ์ และภาวะอารมณ์
- เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน / งานภาคสนาม – การทำงานกับคนยังต้องใช้ทักษะที่ AI ยังเลียนแบบไม่ได้
- สายงาน IT ภายในราชการเอง – เพื่อพัฒนาและควบคุมระบบดิจิทัลภาครัฐ
- เจ้าหน้าที่ธุรการ
- พนักงานคีย์ข้อมูล
- เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนเบื้องต้น
- งานจัดการข้อมูลทั่วไป
- เรียนรู้ทักษะดิจิทัล เช่น Excel, Power BI, การใช้ระบบฐานข้อมูล
- พัฒนาทักษะคิดวิเคราะห์และการสื่อสาร
- เข้าใจการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี ไม่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
- เรียนรู้เกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลของรัฐ เช่น Digital Government
ข้อมูลสถิติน่าสนใจ
- ในปี 2024 หน่วยงานภาครัฐกว่า 40% ของไทยเริ่มใช้ระบบ E-Service เพื่อลดการใช้แรงงานคน และมีแนวโน้มว่าภายในปี 2030 ระบบ Automation จะเข้ามาแทนที่งานประจำในภาครัฐมากกว่า 20%
คำตอบคือ “ยังมั่นคงอยู่ แต่ต้องปรับตัว” อาชีพข้าราชการยังคงให้ความมั่นคงในระดับที่สูงกว่าหลายอาชีพ แต่ในยุค AI ที่เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกวงการ ข้าราชการเองก็ต้องพัฒนาและเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ตำแหน่งที่ใช้ทักษะเฉพาะตัว ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานกับคนจะยังอยู่รอดได้ดีในอนาคต