หนึ่งในเหตุผลหลักที่คนรุ่นใหม่ยังคงให้ความสนใจกับการทำงานราชการ คือ ความมั่นคงในชีวิต ทั้งในด้านการจ้างงานที่ไม่เปลี่ยนแปลงง่าย และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น
- เงินเดือนประจำ
- เงินเกษียณ
- สวัสดิการรักษาพยาบาล
- สิทธิ์กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและอาชีพในภาคเอกชนมีความไม่แน่นอนสูง งานราชการจึงเป็นทางเลือกที่ให้ความอุ่นใจได้มากกว่า
งานราชการมักมีเวลาทำงานที่แน่นอน เช่น จันทร์–ศุกร์ เวลา 08.30–16.30 น. ซึ่งแตกต่างจากงานเอกชนที่บางแห่งมีการทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนเสมอไป การมีเวลาเลิกงานชัดเจนจึงช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถจัดสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวได้ดีกว่า
แม้งานราชการจะไม่ปรับเงินเดือนสูงในทันที แต่ก็มีระบบขั้นเงินเดือนและการเลื่อนตำแหน่งที่ชัดเจนหากทำงานดี มีผลงาน หรือสอบภายในผ่าน ก็สามารถเติบโตในสายงานได้อย่างเป็นระบบ ไม่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์หรือการเมืองในองค์กรเท่าเอกชน
สำหรับคนรุ่นใหม่บางกลุ่ม โดยเฉพาะคนที่เรียนจบสายสังคมศาสตร์ การได้ทำงานในภาครัฐเป็นการ “ตอบแทนสังคม” และมีความรู้สึกว่าตนเองได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ เช่น การเป็นข้าราชการครู แพทย์ พนักงานในหน่วยงานพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการเปิดสอบแข่งขันเพื่อเข้ารับราชการจำนวนมาก โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น และยังมีระบบการสอบกลางอย่าง ก.พ. ที่ชัดเจน ทำให้คนรุ่นใหม่ที่วางแผนและเตรียมตัวดี มีโอกาสสอบติดได้โดยไม่ต้องมีเส้นสาย
สถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนจำนวนมากตกงานในภาคเอกชน ขณะที่งานราชการได้รับผลกระทบน้อยกว่า ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มหันกลับมามองหาความมั่นคงมากกว่าความท้าทายหรือเงินเดือนสูงแต่เสี่ยง
การเลือกทำงานราชการของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่เพียงเพราะความเชื่อเก่า ๆ เรื่องความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังมาจากการมองเห็นข้อดีในด้านเวลาชีวิต การเติบโตในสายงาน และสวัสดิการระยะยาว ที่ยากจะหาได้จากงานเอกชนในบางสายงาน