- คำที่มีสระ ‘a’ จะออกเสียงสระ a ยาวกว่าปกติ และมักออกเสียงเป็นเสียง ‘อา’
- คำที่มีสระ ‘ue’ หรือ ‘ew’ มักจะออกเสียงว่า ‘อิว’ และมักมีเสียง ‘ย’ หรือ ‘j’ ควบไปกับพยัญชนะ
- การออกเสียงตัว ‘r’ ที่อยู่หน้าพยัญชนะหรืออยู่ท้ายๆ คำ จะไม่ออกเสียงตัว ‘r’ หรือออกเสียงค่อนข้างเบามาก เช่น car → /kɑː/ ออกเสียงว่า "คาร์"
- การออกเสียงตัว ‘t’ หรือ ‘tt’ จะออกเสียงชัดเจน ไม่ออกเสียงเป็นตัว ‘d’ เช่น better /ˈbet.ər/ ออกเสียงว่า “เบทเทอะ”
- การออกเสียงตัว ‘h’ ที่อยู่ช่วงต้นคำจะไม่มีการลดระดับเสียง
- can’t (can not) /kɑːnt/ ออกเสียงว่า “คานท์”
- dance /dɑːns/ ออกเสียงว่า “ดานส์”
- due /dʒuː/ ออกเสียงว่า “ดิว”/“ดยูว”/“ดจูว”
- part /pɑːt/ ออกเสียงว่า “พาท”
- better /ˈbet.ər/ ออกเสียงว่า “เบทเทอะ”
ขอแนำนำรายการหรือซีรีส์อย่าง The Crown, Sherlock, BBC Learning English Podcast
การฟังเจ้าของภาษาบ่อย ๆ จะช่วยให้หูของเราคุ้นเคยกับจังหวะ เสียง และสำนวนแบบอังกฤษโดยธรรมชาติ
เว็บไซต์อย่าง Cambridge Dictionary, Oxford Learner’s Dictionary มีตัวเลือกให้ฟังเสียง British Accent อย่างชัดเจนทุกคำ ฝึกฟังและพูดตามได้ทุกวัน
British Accent มักจะมีจังหวะการพูดที่เป็นจังหวะ ช้า และเสียงสูงต่ำสวยงาม ลองฝึกพูดโดยเน้นโทนเสียงและเสียงยาว-สั้นให้เหมือนเจ้าของภาษา
หลังฝึกพูด ให้คุณบันทึกเสียงแล้วเทียบกับเสียงเจ้าของภาษา จะช่วยให้เห็นความต่างของเสียงและพัฒนาได้ตรงจุด
- “Shall we have a cup of tea later?”
- “It’s quite lovely today, isn’t it?”
- “I can’t believe it’s already half past three.