ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกมิติของชีวิต แนวโน้มของอาชีพและโลกการทำงานในอนาคตได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การจ้างงานแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ หนึ่งในแนวโน้มที่เห็นได้ชัดคือการเติบโตของ "Gig Economy" และการทำงานแบบอิสระ (Freelance) ซึ่งกำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่ของแรงงานยุคดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยความยืดหยุ่น ความหลากหลาย และโอกาสในการสร้างรายได้ที่ไม่จำกัด การทำงานรูปแบบนี้จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว
Gig Economy คือระบบเศรษฐกิจที่เน้นการจ้างงานแบบระยะสั้น การทำงานตามโปรเจกต์ หรือการรับจ้างเป็นครั้งคราว (gig) โดยไม่มีพันธะระยะยาวระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง คนทำงานในระบบนี้สามารถเลือกงานตามเวลาที่ตนเองสะดวก และมักจะทำงานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Grab, LINE MAN, Upwork, Fastwork หรือ Fiverr เป็นต้น ระบบนี้ไม่ได้จำกัดแค่แรงงานทักษะต่ำหรือการขับรถส่งของเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เช่น นักบัญชี นักวางแผนกลยุทธ์ UX/UI designer หรือแม้แต่ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ก็สามารถเข้าสู่โลกของ Gig Economy ได้เช่นกัน
แม้ชื่อจะสื่อถึงความ “อิสระ” แต่การทำงานแบบฟรีแลนซ์ (Freelance) หรือการเป็น gig worker มีรายละเอียดและข้อพิจารณามากกว่าที่คิด คนทำงานต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองสูง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเวลา การสื่อสารกับลูกค้า การบริหารการเงิน และแม้แต่การจัดการภาษีเงินได้ ความยืดหยุ่นของการทำงานอิสระเป็นข้อได้เปรียบหลักที่ทำให้หลายคนสนใจ โดยเฉพาะในยุคที่การ Work from Home กลายเป็นเรื่องปกติ การไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติด และการเลือกทำงานจากที่ใดก็ได้ทำให้หลายคนรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถสร้างรายได้จากลูกค้าหลายรายพร้อมกัน ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งรายได้เดียว
การเติบโตของ Gig Economy มีรากฐานมาจากหลายปัจจัย ทั้งการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็ว แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมโยงคนทำงานกับผู้จ้างงานได้ง่ายขึ้น ความต้องการความยืดหยุ่นของแรงงานยุคใหม่ และผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้การทำงานระยะสั้นและงานทางไกลกลายเป็นทางเลือกหลัก อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือแรงงานในระบบเดิมมักประสบกับความไม่มั่นคง เช่น การถูกเลิกจ้างอย่างกระทันหัน สวัสดิการที่ไม่ครอบคลุม หรือไม่มีโอกาสเติบโต การเข้าสู่ระบบ Gig Economy จึงเป็นการควบคุมชีวิตการทำงานด้วยตนเอง และสร้างแบรนด์ส่วนตัวได้มากขึ้น
1. ความยืดหยุ่น เลือกเวลาทำงานและสถานที่ได้อย่างอิสระ
2. รายได้หลายทาง สามารถรับงานหลายชิ้นพร้อมกันเพื่อเพิ่มรายได้
3. โอกาสในการเติบโต สั่งสมประสบการณ์ในหลากหลายโปรเจกต์ เพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นในตลาด
4. ความเป็นนายของตัวเอง ไม่ต้องอยู่ภายใต้โครงสร้างองค์กรที่ตายตัว
ความท้าทายที่ต้องรับมือ แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การทำงานใน Gig Economy ก็มีความท้าทาย เช่น รายได้ที่ไม่แน่นอน ขาดสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ความไม่มั่นคงในระยะยาว และการแข่งขันที่สูงขึ้น ดังนั้นการวางแผนการเงิน การจัดการเวลา และการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ
1. การจัดการตนเอง ทั้งในด้านเวลา พลังงาน และเป้าหมายระยะยาว
2. ทักษะดิจิทัล ความเข้าใจในแพลตฟอร์มออนไลน์ เครื่องมือดิจิทัล และการตลาดออนไลน์
3. การสื่อสารและเจรจาต่อรอง เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างตนเองกับลูกค้า
4. ความสามารถในการสร้างแบรนด์ส่วนตัว สร้างความน่าเชื่อถือผ่านพอร์ตโฟลิโอหรือรีวิวจากลูกค้า
Gig Economy กับแนวโน้มในอนาคต องค์กรหลายแห่งเริ่มเปลี่ยนมาใช้แรงงานแบบ Outsourcing และ Freelance มากขึ้นเพื่อความยืดหยุ่นทางธุรกิจ เทรนด์นี้มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี การตลาดดิจิทัล การออกแบบ สื่อสารมวลชน และแม้แต่สายงานวิชาการ นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้การทำงานทางไกล (Remote Work) และการจ้างงานแบบชั่วคราวกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของโลกการทำงาน
Gig Economy และการทำงานแบบอิสระไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นวิวัฒนาการของโลกแรงงานที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต ความคาดหวัง และเทคโนโลยี ผู้ที่สามารถปรับตัวได้ไว พัฒนาทักษะ และเข้าใจกลไกของระบบเศรษฐกิจใหม่นี้จะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงในอาชีพยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะฟรีแลนซ์ ผู้ประกอบการ หรือผู้ให้บริการดิจิทัลมืออาชีพ
แหล่งข้อมูล
Gig Economy เทรนด์ของคนทำงานยุคใหม่ที่ทุกองค์กรควรรู้
Gig Economy คืออะไร กระทบกับบทบาทของ HR อย่างไร
Autonomy in the Workplace: Why it Matters and How to Foster it