การเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเราแค่อยากหนีปัญหาชั่วคราว เช่น งานเยอะ หัวหน้างานเข้มงวด หรือไม่มีเวลาไปเที่ยว ลองคิดว่าเป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขในที่ทำงานปัจจุบันได้หรือไม่
แต่ถ้าเหตุผลคือ เราไม่ได้ใช้ศักยภาพที่แท้จริง ไม่มีโอกาสเติบโต หรือองค์กรไม่ตอบโจทย์เราในระยะยาว แบบนี้อาจเป็นสัญญาณว่า เราควรพิจารณาเปลี่ยนงานจริง ๆ
ไม่ใช่ทุกงานที่จ่ายเงินเดือนสูงกว่าจะช่วยให้เรามีความสุขขึ้น ลองถามตัวเองว่า "งานใหม่จะพาฉันไปใกล้เป้าหมายชีวิตมากขึ้นหรือไม่ ?" ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายเรื่องรายได้ ความสมดุลชีวิต ทักษะ หรือเส้นทางอาชีพระยะยาว
ถ้าคำตอบคือ “ใช่” การเปลี่ยนงานอาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงาน อย่าลืมประเมินความพร้อมของเราเองทั้งด้านการเงิน เช่น มีเงินสำรองเพียงพอหรือไม่ หากต้องว่างงานระหว่างเปลี่ยนสายงาน และด้านจิตใจ เช่น พร้อมรับกับสภาพแวดล้อมใหม่ คนใหม่ วัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างหรือไม่
บางครั้งเราอยากเปลี่ยนงาน เพราะเบื่อหรือท้อ แต่ถ้ายังไม่มีแผนสำรองที่ชัดเจน อาจเจอความเครียดมากกว่าเดิมก็ได้
เปลี่ยนงานไม่ควรเป็นการกระโดดจากที่หนึ่งไปอีกที่โดยไม่ศึกษา อย่าลืมเช็กตลาดแรงงาน ดูตำแหน่งงานที่เราสนใจว่าเปิดรับจริงไหม เงินเดือนเป็นอย่างไร วัฒนธรรมองค์กรที่เราอยากไปนั้นตรงกับตัวเองหรือเปล่า
การรีเสิร์ชตลาดงาน ช่วยลดความเสี่ยงในการ “เปลี่ยนไปแย่กว่าเดิม”
งานใหม่มักมาพร้อมความคาดหวังที่สูงขึ้น เราควรประเมินว่า RESUME ของเราอัปเดตหรือยัง มีผลงานเด่น ทักษะเฉพาะ และความสำเร็จที่สามารถ “ขายตัวเอง” ได้หรือไม่
ถ้ายังไม่พร้อม ลองใช้ช่วงเวลานี้ในการอัปสกิล ปรับโปรไฟล์ และวางกลยุทธ์ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ
การเปลี่ยนงานไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรเป็น “การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์” ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ การถามตัวเองด้วย 5 คำถามนี้จะช่วยให้เราได้เข้าใจความต้องการของตัวเองจริง ๆ และวางแผนเพื่อเปลี่ยนงานอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าในอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน