เริ่มต้นวันด้วยการตื่นให้เช้า ทำกิจกรรมที่สร้างพลังใจ เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ ดื่มน้ำอุ่น อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงเบา ๆ จะช่วยให้ตั้งต้นวันด้วยความรู้สึกดี ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการลดความเครียดจากงานระหว่างวัน
การทำงานทุกอย่างพร้อมกันอาจสร้างความเครียดมากกว่าผลลัพธ์ที่ดี ลองใช้เทคนิค “To-do list” เพื่อวางแผน และแยกงานด่วน-งานสำคัญออกจากกัน จะช่วยให้รู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น
เทคนิคหายใจลึก ๆ ช้า ๆ และฝึกสติช่วยให้จิตใจสงบ และลดความเครียดจากงานได้ทันที ลองหยุดทุกอย่างสัก 5 นาที ตั้งใจหายใจเข้าออก และจดจ่ออยู่กับลมหายใจ จะช่วยผ่อนคลายจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พื้นที่ทำงานที่เป็นระเบียบ สว่าง และมีอากาศถ่ายเท สามารถส่งผลต่ออารมณ์อย่างมาก ลองตกแต่งโต๊ะทำงานด้วยของที่เราชอบ เช่น ต้นไม้เล็ก ๆ หรือภาพครอบครัว เพื่อเพิ่มความสบายใจในการทำงานตลอดวัน
อย่ามองข้ามการพักสั้น ๆ ระหว่างทำงาน การเดินออกจากหน้าจอ ไปเดินเล่น หรือยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยทุก 1-2 ชั่วโมง จะช่วยลดความเมื่อยล้า และฟื้นฟูสมองให้พร้อมรับมือกับงานต่อไป
อาหารมีผลต่อระดับพลังงานและอารมณ์ หลีกเลี่ยงคาเฟอีนหรือของหวานมากเกินไป เลือกทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ไฟเบอร์ และไขมันดี จะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นและลดความเครียดจากงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่าเก็บความเครียดไว้คนเดียว ลองพูดคุยกับเพื่อน คนรัก หรือที่ปรึกษาเพื่อระบายความรู้สึก การได้แชร์ปัญหาจะช่วยให้เราเห็นทางออกมากขึ้น และรู้สึกว่าเราไม่ได้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง
การเช็กอีเมล หรือข้อความงานแม้จะหมดเวลาแล้ว จะทำให้สมองไม่หยุดพัก ตั้งกฎให้ตัวเองหยุดใช้อุปกรณ์เกี่ยวกับงานหลังเวลางาน เพื่อให้มีเวลาโฟกัสกับชีวิตส่วนตัวและพักผ่อนอย่างแท้จริง
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นสารเอ็นดอร์ฟิน ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข และลดความเครียดได้ดีมาก ไม่จำเป็นต้องหนักหน่วง เพียงแค่เดินเร็ว 30 นาทีต่อวันก็เพียงพอแล้ว
หากเรารู้สึกว่าเครียดจากงานจนกระทบกับการใช้ชีวิต อย่าลังเลที่จะปรึกษานักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพราะการขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด