แม้ว่าความรักจะเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตคู่ แต่ความรักเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น การวางแผนชีวิตคู่หลังแต่งงาน ช่วยให้ทั้งสองเข้าใจตรงกันในเรื่องเป้าหมาย ความคาดหวัง และการจัดการชีวิตร่วมกัน เช่น การเงิน บทบาทในบ้าน การมีลูก และการพัฒนาอาชีพ
การเงินคือหัวใจของชีวิตครอบครัว หากไม่มีการวางแผนอย่างชัดเจน อาจกลายเป็นต้นตอของความขัดแย้งได้
สิ่งที่ควรคุยกัน
- รายรับของแต่ละฝ่าย
- การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
- การวางแผนเก็บออม เช่น มีบัญชีร่วมกันไหม ออมเงินเพื่อเป้าหมายบางอย่าง เช่น มีลูก สร้างบ้าน ไปท่องเที่ยว
- การบริหารหนี้สิน (ถ้ามี)
หลังแต่งงานคู่รักหลายคู่ต้องปรับตัวจากชีวิตเดี่ยวมาเป็นชีวิตคู่ การแบ่งหน้าที่และบริหารเวลาอย่างลงตัว จะช่วยลดความเครียดและการทะเลาะกันได้
สิ่งที่ควรตกลงกัน
- งานบ้านอาจแบ่งรับผิดชอบได้ เช่น ทำอาหาร ทำความสะอาด ใครถนัดเรื่องไหนซึ่งควรมีทั้งรับผิดชอบร่วมกัน และแบ่งรับผิดชอบร่วมกันได้เสมอ
- การจัดสรรเวลาส่วนตัว เวลาสำหรับครอบครัว เวลาสำหรับเพื่อน เหล่านี้ลองพูดคุยและจัดสรรเวลาให้เหมาะสม เพื่อที่จะได้มีพื้นที่ของกันและกันด้วย
การมีเป้าหมายร่วมกันจะช่วยให้ชีวิตคู่เดินไปในทิศทางเดียวกัน ไม่สะเปะสะปะ อาจตั้งเป้าหมาย เช่น
- เป้าหมายในอีก 1 - 3 ปี เช่น ซื้อบ้าน มีลูก เรียนต่อ
- เป้าหมายในอีก 5 - 10 ปี เช่น วางแผนเกษียณ เปิดธุรกิจ
- ความฝันส่วนตัวที่อีกฝ่ายควรรู้ เช่น อยากย้ายไปอยู่ต่างประเทศ อยากลาออกมาทำฟรีแลนซ์
การสร้างสมดุลระหว่างครอบครัวใหม่ (ของเรา) และครอบครัวเดิม (พ่อแม่พี่น้อง) เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนมองข้ามหลังแต่งงาน
เรื่องที่ควรพูดคุย
- ความถี่ในการกลับบ้านพ่อแม่ อาจลองพูดคุยถึงความจำเป็น ความเหมาะสม เช่น ต้องช่วยเหลือดูแลบ้านพ่อแม่ ในบางสถานการณ์ เป็นต้น
- การให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับครอบครัวเดิม เช่น อาจมีการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุใด ๆ เกิดขึ้น
- ขอบเขตความเป็นส่วนตัว ควรเคารพ และเข้าใจความแตกต่างของวัฒนธรรมการเลี้ยงดูจากแต่ละบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น แม้จากเพียงเรื่องเล็กน้อย
การวางแผนชีวิตคู่หลังแต่งงานจะไม่สมบูรณ์ หากขาดทักษะการสื่อสาร เพราะทุกแผนที่วางไว้จะล้มได้ง่าย หากไม่มีการพูดคุยที่เข้าใจ
สิ่งที่ควรตกลงกัน
- วิธีคุยกันเวลามีปัญหา เช่น พูดเปิดใจกันตรง ๆ หรืออาจลองเขียนโน้ต เพื่อแสดงความใสใจ หรือห่วงใยกับอีกฝ่าย
- เวลาและพื้นที่ส่วนตัว เมื่อมีเรื่องเครียด อาจจัดเวลา “คุยกันเรื่องใจ” อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่ออัปเดตความรู้สึกของแต่ละฝ่าย