การจัดตั้งโรงเรียนในประเทศไทยเป็นกระบวนการที่ต้องอิงตามข้อกำหนดของ กฎหมายโรงเรียน ทั้งในส่วนของ กฎหมายการศึกษา และกฎหมายแพ่ง หากคุณเป็นผู้สนใจเปิดโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม หรือโรงเรียนมัธยม การเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องและยั่งยืน
การจัดตั้งโรงเรียนในประเทศไทย ต้องดำเนินการตามกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการสถานศึกษาที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐหรือเอกชน ทุกแห่งต้องอยู่ภายใต้ กรอบของกฎหมายการศึกษา และกฎหมายทั่วไปที่เกี่ยวข้อง
กฎหมายแม่บทของการศึกษาไทยที่ครอบคลุมทุกระดับ ทุกประเภท ทั้งภาครัฐและเอกชน
มาตราที่ควรรู้
มาตรา 6 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักว่าการพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ
มาตรา 10 เปิดโอกาสให้บุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรจัดการศึกษาได้ตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา 22-29 กล่าวถึงรูปแบบและโครงสร้างของระบบการศึกษา เช่น การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
สาระสำคัญ
กำหนดเป้าหมายของการศึกษาคือการพัฒนาคนให้สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และคุณธรรม
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการจัดการศึกษา
วางกรอบให้โรงเรียนต้องพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้และระบบประกันคุณภาพ
เหมาะสำหรับ
ผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักพัฒนาหลักสูตร
ผู้จัดตั้งโรงเรียนที่ต้องการเข้าใจแนวทางและเป้าหมายระดับชาติ
กฎหมายหลักที่ใช้ควบคุมการจัดตั้งโรงเรียนเอกชน โดยระบุขั้นตอนการขออนุญาต การบริหารงานของโรงเรียน การกำกับดูแลของรัฐ และสิทธิหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตและครูผู้สอน
มาตราที่ควรรู้
มาตรา 11 ผู้ประสงค์จะจัดตั้งโรงเรียนต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
มาตรา 15 กำหนดคุณสมบัติของผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียน
มาตรา 31 โรงเรียนต้องมีผู้อำนวยการ และครูผู้สอนที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
มาตรา 55-57 ว่าด้วยเรื่องงบประมาณ รายรับ-รายจ่าย และการตรวจสอบทางการเงิน
มาตรา 77-78 อำนาจในการเพิกถอนใบอนุญาต หากมีการกระทำผิดเงื่อนไข
สาระสำคัญ
ต้องขออนุญาตต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
กำหนดโครงสร้างผู้บริหาร บุคลากร และหลักสูตรให้มีคุณภาพ
มีการตรวจสอบและประเมินผลจากหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
แยกประเภทโรงเรียนเอกชน เช่น โรงเรียนสามัญศึกษา, อาชีวศึกษา, ศาสนา
เหมาะสำหรับ
บุคคลทั่วไปหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องการจัดตั้งโรงเรียนเอกชน
องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เช่น มูลนิธิ หรือสมาคม
นอกจาก พ.ร.บ. แล้ว ยังมีกฎกระทรวงที่ออกตามกฎหมายแม่บทเพื่อใช้บังคับเฉพาะด้าน เช่น
กฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียน
กฎกระทรวงว่าด้วยสถานที่ อาคาร และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน
ระเบียบเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารและครู
จุดสำคัญ
ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในระดับปฏิบัติการ
เน้นเรื่องความปลอดภัย โครงสร้างอาคาร การจัดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้
หากมีการจัดตั้งโรงเรียนในรูปแบบ นิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด หรือ มูลนิธิ จะต้องดำเนินการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย
มาตราที่ควรรู้
มาตรา 66-75 ว่าด้วย “มูลนิธิ” และการขอจดทะเบียน
มาตรา 101-120 ว่าด้วย “บริษัทจำกัด” หากจัดตั้งโรงเรียนในรูปแบบบริษัท
มาตรา 1336 สิทธิในการครอบครองและใช้ทรัพย์สิน เช่น การตั้งโรงเรียนในพื้นที่ของตนเอง
ตัวอย่างบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
มาตราเกี่ยวกับการจดทะเบียนนิติบุคคล
การจัดทำข้อบังคับองค์กร
การดำเนินธุรกรรม การรับบริจาค หรือการถือครองทรัพย์สิน
เหมาะสำหรับ
ผู้ประกอบการที่ต้องการจัดตั้งโรงเรียนในรูปแบบธุรกิจ
กลุ่มผู้ปกครองที่รวมตัวกันจัดตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษา
ก่อนก่อสร้างอาคารเรียน ต้องตรวจสอบว่า สถานที่ตั้งโรงเรียนสามารถก่อสร้างได้หรือไม่ ตามกฎหมายผังเมือง และขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
ขั้นตอน
ตรวจสอบพื้นที่ว่าอยู่ในเขตผังเมืองสีใด (สีเหลือง มักเป็นเขตที่ก่อสร้างโรงเรียนได้)
ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารจากเทศบาล หรือ อบต.
เหมาะสำหรับ ผู้จัดตั้งที่ต้องการใช้พื้นที่ใหม่ ไม่ใช่อาคารเช่าเดิม
โรงเรียนในฐานะนายจ้างต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน เช่น
กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
เวลาทำงาน สวัสดิการ
การส่งเงินสมทบประกันสังคมของครูและพนักงาน
แม้โรงเรียนเอกชนจะได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วน หากเป็นมูลนิธิ แต่หากจัดตั้งในรูปแบบบริษัท ก็ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย เช่น
ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (บางกรณี)
เลือกประเภทโรงเรียนที่ต้องการจัดตั้ง (เช่น อนุบาล, ประถม, มัธยม)
วางแผนด้านวิชาการ เช่น หลักสูตร, จำนวนชั้นเรียน, ภาษาในการสอน
วางแผนด้านกายภาพ เช่น ที่ตั้งโรงเรียน, จำนวนอาคาร, ห้องเรียน, ห้องน้ำ, สนามเด็กเล่น
วางแผนด้านงบประมาณ เช่น เงินทุนเริ่มต้น, ค่าก่อสร้าง, ค่าจ้างบุคลากร
ระยะเวลา 1–2 เดือน
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ เริ่มต้น 100,000–300,000 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่และขนาด)
แบบคำขอจัดตั้งโรงเรียน (ขอได้จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา)
สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ขอ
แผนผังอาคาร/แบบแปลนก่อสร้าง
สัญญาเช่าหรือเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน
รายชื่อครูผู้สอนพร้อมวุฒิและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
เอกสารงบประมาณหรือทุนในการดำเนินงาน
ระยะเวลา 2–4 สัปดาห์
ค่าใช้จ่าย ค่าถ่ายเอกสาร ค่ารับรองเอกสาร (หลักพันบาท)
นำเอกสารทั้งหมดไปยื่น ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่รับผิดชอบ
เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร
หากเอกสารสมบูรณ์ จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสถานที่
ระยะเวลา 30 วัน (หรือมากกว่านั้น หากต้องมีการแก้ไขเอกสาร)
ตรวจสอบอาคารเรียน ความปลอดภัย สภาพแวดล้อม
ตรวจสอบสุขลักษณะ เช่น ห้องน้ำ, ระบบไฟฟ้า, ระบบระบายน้ำ
ตรวจสอบความพร้อมของครู บุคลากร และสื่อการเรียนการสอน
ระยะเวลา 1–2 เดือน
ค่าใช้จ่าย ค่าปรับปรุงอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก (อาจตั้งแต่ 50,000–1,000,000 บาทขึ้นไป)
เมื่อผ่านการตรวจสอบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะออกใบอนุญาตให้เปิดโรงเรียนได้
โรงเรียนสามารถดำเนินการรับนักเรียน เปิดการเรียนการสอนได้ทันที
ระยะเวลา 1–2 สัปดาห์
ค่าใช้จ่าย ไม่มีค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต แต่มีค่าดำเนินการที่เกี่ยวข้อง
หากดำเนินการครบถ้วนและไม่มีการแก้ไขเอกสารซ้ำ ๆ ระยะเวลาทั้งหมดจะอยู่ที่ ประมาณ 4–6 เดือน (หรือเร็วกว่านั้น หากเอกสารพร้อมและผ่านการตรวจสอบราบรื่น)
หลักสูตรต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ
บุคลากรครูต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
ต้องจัดให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม
ต้องส่งรายงานประจำปีและงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อมูลอ้างอิง
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ