Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ประเภทของใบอนุญาตพาหนะทางน้ำ และความแตกต่างที่คุณควรรู้

Posted By Kung_nadthanan | 30 เม.ย. 68
802 Views

  Favorite

 

หากคุณเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานเรือ ไม่ว่าจะเพื่อการเดินทาง การพาณิชย์ หรือการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญอันดับแรกที่คุณควรทราบคือ ประเภทใบอนุญาตพาหนะทางน้ำ, ใบอนุญาตเรือ และใบอนุญาตขับเรือ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญตามกฎหมายที่ผู้ใช้เรือทุกประเภทต้องมีความรู้ เพื่อความปลอดภัย และไม่ละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ควบคุมการใช้ทรัพย์สิน และการรับผิดทางแพ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางน้ำ

 

ใบอนุญาตพาหนะทางน้ำ คืออะไร ?

ใบอนุญาตพาหนะทางน้ำคือ เอกสารที่รับรองว่าพาหนะ หรือเรือที่ใช้เดินทางในแหล่งน้ำสาธารณะมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยอ้างอิงตามระเบียบของกรมเจ้าท่า และกฎหมายแพ่งว่าด้วยทรัพย์สิน ใบอนุญาตนี้เปรียบเสมือนทะเบียนบ้านของเรือ ที่แสดงเจ้าของ ประเภทการใช้งาน และคุณสมบัติของตัวเรืออย่างชัดเจน

 

จุดประสงค์ของใบอนุญาตเรือ

- รับรองว่าเรือได้จดทะเบียนถูกต้อง

- ระบุประเภทของเรือ เช่น ใช้ส่วนตัว พาณิชย์ ประมง ฯลฯ

- ระบุชื่อเจ้าของและสถานะการใช้งาน

- แสดงว่าเรือผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย

 

 

ประเภทของใบอนุญาตพาหนะทางน้ำ

ใบอนุญาตพาหนะทางน้ำสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีวัตถุประสงค์ และข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. ใบอนุญาตเรือใช้ส่วนบุคคล (Private Boat License)

เหมาะสำหรับ

- เรือยนต์ขนาดเล็ก

- เรือใช้เพื่อการท่องเที่ยว หรือพักผ่อนส่วนตัว

- เรือที่ไม่ได้ใช้ในเชิงพาณิชย์

คุณสมบัติของใบอนุญาต

- เจ้าของต้องยื่นขอจดทะเบียนที่สำนักงานเจ้าท่าท้องถิ่น

- ไม่อนุญาตให้รับผู้โดยสาร หรือขนส่งสินค้าเพื่อการค้า

- ต้องมีเครื่องยนต์ไม่เกินกำลังที่กฎหมายกำหนด

ตัวอย่าง : เรือเจ็ทสกี, เรือยอชต์ส่วนตัว, เรือยนต์เล็กขับในคลองหรือแม่น้ำ

 

2. ใบอนุญาตเรือพาณิชย์ (Commercial Vessel License)

เหมาะสำหรับ

- เรือโดยสารประจำทาง

- เรือขนส่งสินค้า

- เรือบริการนำเที่ยว

คุณสมบัติของใบอนุญาต

- ต้องผ่านการตรวจสภาพเรือจากเจ้าท่า

- ต้องระบุจำนวนผู้โดยสารหรือสินค้าที่สามารถรับได้

- ต้องมีใบอนุญาตขับเรือของผู้ควบคุมเรือที่ถูกต้อง

- มีประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนด

ตัวอย่าง : เรือข้ามฟาก, เรือหางยาวพานักท่องเที่ยว, เรือขนส่งในแม่น้ำเจ้าพระยา

 

3. ใบอนุญาตเรือประมง (Fishing Vessel License)

เหมาะสำหรับ

- เรือที่ใช้เพื่อการประมงในทะเลหรือแม่น้ำ

- เรือที่จดทะเบียนเพื่อกิจการเกษตรทางน้ำ

คุณสมบัติของใบอนุญาต

- ต้องได้รับอนุญาตทั้งจากกรมเจ้าท่า และกรมประมง

- เรือประมงพาณิชย์ต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบ (VMS)

- ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย IUU (การประมงผิดกฎหมาย)

ตัวอย่าง :  เรืออวนลาก, เรือประมงชายฝั่ง, เรือประมงอุตสาหกรรม

 

 4. ใบอนุญาตเรือเฉพาะกิจ (Special Purpose Vessel License)

เหมาะสำหรับ

- เรือราชการ หรือเรือหน่วยงานเฉพาะกิจ

- เรือดับเพลิง เรือกู้ภัย

- เรือขุดลอก หรือเรือทำการวิจัย

คุณสมบัติของใบอนุญาต

- ต้องมีการขออนุมัติเป็นกรณีไป

- ต้องระบุภารกิจและพื้นที่การใช้

- อาจไม่เปิดใช้งานในเชิงพาณิชย์

ตัวอย่าง :  เรือกรมเจ้าท่า, เรือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, เรือเก็บขยะ

เคล็ดลับ : การเลือกประเภทใบอนุญาตให้ตรงกับการใช้งานช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจ

 

ตัวอย่างเรือที่ต้องมีใบอนุญาต

- เรือยนต์ที่มีกำลังตั้งแต่ 5 แรงม้าขึ้นไป

- เรือที่ใช้เพื่อขนส่งคนหรือสินค้า

- เรือท่องเที่ยว เรือประมง เรือราชการ

ใบอนุญาตเรือเปรียบเสมือน “ป้ายทะเบียนรถยนต์” เป็นเอกสารแสดงความถูกต้องตามกฎหมายของตัวพาหนะ

ผู้ขับเรือที่ไม่มีใบอนุญาตถือว่าผิดกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตราเกี่ยวกับความรับผิดของเจ้าของพาหนะและผู้ควบคุม

 

สรุปความแตกต่างระหว่าง ใบอนุญาตเรือ และใบอนุญาตขับเรือ

 

การมีใบอนุญาตเรือและใบอนุญาตขับเรือ ไม่ใช่แค่ข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบ ความปลอดภัย และความเป็นมืออาชีพในการเดินเรือ

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมเจ้าท่า

สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow