Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ความแตกต่างระหว่างคดีแพ่งและคดีอาญา : สิ่งที่ควรรู้ก่อนฟ้องร้อง

Posted By Kung_nadthanan | 25 เม.ย. 68
39 Views

  Favorite

 

ในระบบกฎหมายของไทย คดีที่เข้าสู่กระบวนการศาลแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักคือ “คดีแพ่ง” และ “คดีอาญา” ซึ่งทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ทั้งเรื่องของผู้ฟ้องคดี จุดประสงค์ของการฟ้อง การพิจารณาคดี ไปจนถึงบทลงโทษ ดังนั้น การเข้าใจความแตกต่างระหว่างคดีแพ่ง และคดีอาญาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการใช้สิทธิทางกฎหมายในการปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

คดีแพ่ง

คดีแพ่ง (Civil Case) คือ คดีที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างบุคคลต่อบุคคล หรือระหว่างบุคคลกับนิติบุคคล เช่น บริษัทหรือองค์กร เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ หรือสัญญาทางกฎหมาย เช่น

การผิดสัญญาเช่าบ้าน

การยืมเงินแล้วไม่คืน

การละเมิด เช่น ทำของเสียหายแล้วไม่ชดใช้

การเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร

การแบ่งมรดกระหว่างทายาท

เป้าหมายของคดีแพ่ง : เพื่อให้ผู้กระทำการผิดชดใช้ค่าเสียหาย หรือปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญา ไม่เกี่ยวข้องกับการจำคุกหรือโทษทางอาญา

 

คดีอาญา

คดีอาญา (Criminal Case) คือ คดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดซึ่งเป็นภัยต่อสังคมหรือรัฐ เช่น การฆาตกรรม ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ฉ้อโกง ยาเสพติด ฯลฯ ซึ่งรัฐถือว่าเป็น “อาชญากรรม” และต้องมีการลงโทษผู้กระทำผิดเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม

ตัวอย่างคดีอาญา :

การลักทรัพย์ (ขโมยของ)

การทำร้ายร่างกาย (ชกต่อย ทำให้บาดเจ็บ)

การฉ้อโกง (หลอกเอาทรัพย์สินผู้อื่น)

การฆ่าคนตาย

คดียาเสพติด

เป้าหมายของคดีอาญา : เพื่อ “ลงโทษ” ผู้กระทำผิด เช่น จำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมีอัยการเป็นตัวแทนของรัฐในการฟ้องร้อง

 

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคดีแพ่งและคดีอาญา

 

ตัวอย่างคดีบางกรณีเป็นได้ทั้งแพ่ง และอาญา

บางกรณีการกระทำผิดอย่างเดียว อาจมีผลทั้งทางแพ่ง และอาญาได้ เช่น

ตัวอย่าง : นาย ก ยืมเงินนาย ข แล้วไม่คืน และยังใช้เอกสารปลอมแสดงหลักฐานการคืนเงิน

นาย ข สามารถฟ้อง คดีแพ่ง เพื่อเรียกเงินคืน

และยังสามารถฟ้อง คดีอาญา ฐานฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสารได้

 

คดีที่เป็นได้ทั้งแพ่งและอาญาคืออะไร?

“คดีที่เป็นได้ทั้งแพ่งและอาญา” คือ คดีที่การกระทำความผิดหนึ่ง ๆ นอกจากจะมีลักษณะเป็นความผิดทางอาญาแล้ว ยังทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามกฎหมายแพ่งควบคู่ไปด้วย กล่าวง่าย ๆ คือ เป็นคดีที่สามารถดำเนินการทั้ง ในทางอาญาเพื่อเอาผิดผู้กระทำความผิด และในทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด ได้ในเวลาเดียวกัน

 

ลักษณะของคดีที่เป็นได้ทั้งแพ่งและอาญา

การกระทำที่ ฝ่าฝืนกฎหมายอาญา และทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ซึ่งสามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งได้

ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณา ทั้งโทษทางอาญา และค่าสินไหมทางแพ่ง ในคดีเดียวกันได้ (อ้างอิง : ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44)

 

สาระสำคัญของ “คดีที่เป็นได้ทั้งแพ่งและอาญา”

1. การกระทำเดียว ก่อให้เกิดความรับผิดหลายทาง

เช่น คนหนึ่งทำร้ายร่างกายอีกคนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ

ด้านอาญา : ผิดกฎหมายอาญา ฐานทำร้ายร่างกาย

ด้านแพ่ง : ผู้กระทำต้องชดใช้ค่าเสียหาย เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดรายได้ ค่าทดแทนความเจ็บปวด
 

2. สิทธิในการดำเนินคดีของผู้เสียหาย

ผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิ 2 ทาง คือ

แจ้งความดำเนินคดีอาญา

ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง (จะรวมในคดีอาญาก็ได้ หรือแยกฟ้องทีหลังก็ได้)
 

3. ประโยชน์ของการรู้จักสิทธิทั้งสองทาง

ทำให้สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมได้ครบถ้วน

ได้รับการเยียวยาทั้งจากการลงโทษผู้กระทำผิด และการได้รับค่าชดเชยจากความเสียหายที่เกิดขึ้น
 

การเข้าใจว่าสถานการณ์ใดเป็นได้ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา จะช่วยให้ผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิเรียกร้อง และได้รับความยุติธรรมอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการลงโทษผู้กระทำผิด และการได้รับการเยียวยาจากความเสียหายที่เกิดขึ้น
 

ข้อมูลอ้างอิง

สำนักงานกิจการยุติธรรม

องค์การบริหารส่วนตำบลวังอิทก

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow