วิธีการดำเนินคดีแบบประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย

ในยุคที่การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนมักกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และเวลาที่ต้องสูญเสียในการดำเนินคดี การฟ้องร้องคดี ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเสมอไป หากเข้าใจ วิธีการดำเนินคดีแบบประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่ง หรือคดีอาญา การมีแผนการที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณรักษาสิทธิของตนโดยไม่ต้องแบกรับภาระเกินความจำเป็น

“การดำเนินคดี” คืออะไร?

การดำเนินคดี คือ กระบวนการทางกฎหมายที่บุคคลหนึ่งยื่นฟ้องต่ออีกฝ่าย เพื่อเรียกร้องสิทธิ หรือป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย กระบวนการนี้อาจเกิดขึ้นในศาลแพ่ง ศาลอาญา หรือศาลปกครอง ขึ้นอยู่กับลักษณะของคดี แต่สิ่งที่หลายคนมักไม่ทราบคือ มีแนวทางหลายแบบที่สามารถทำให้การดำเนินคดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเสียทรัพยากรน้อยลง

ทำไมต้องรู้จักวิธีดำเนินคดีแบบประหยัด?

ประหยัดค่าใช้จ่าย : ลดต้นทุนจากการจ้างทนายเต็มรูปแบบ หรือไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลโดยไม่จำเป็น

ลดเวลาในการฟ้องร้อง : ทำให้คดีไม่ยืดเยื้อ สะดวกและรวดเร็ว

ลดความเครียดของผู้ฟ้องคดี : กระบวนการง่ายขึ้น เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก

วิธีการดำเนินคดีแบบประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย

1. เริ่มจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้อง

ศาลมีบริการไกล่เกลี่ยฟรีก่อนฟ้อง

หากคู่ความสามารถตกลงกันได้ จะไม่มีความจำเป็นต้องฟ้อง

ลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียมศาล ค่าจ้างทนาย

เหมาะกับคดีที่ยังไม่บานปลาย เช่น คดีหนี้ส่วนบุคคล คดีบัตรเครดิต

ตัวอย่าง : นายเอให้เพื่อนยืมเงิน 50,000 บาท ไม่คืนตามสัญญา ก่อนฟ้องคดี นายเอเลือกใช้บริการไกล่เกลี่ยที่ศาลจังหวัด และสามารถตกลงชำระคืนแบบผ่อนจบเรื่องโดยไม่ต้องขึ้นศาล

2. ใช้ระบบฟ้องคดีออนไลน์ (e-Filing)

เว็บไซต์ศาลเปิดให้บริการ ยื่นฟ้องคดีแพ่ง และคดีผู้บริโภคทางออนไลน์

ยื่นคำฟ้อง คำขอ และติดตามคดีได้จากที่บ้าน

ลดค่าพิมพ์เอกสาร ค่ารถ ค่าเดินทาง และเวลารอคิว

แนะนำ : เข้าเว็บไซต์ e-filing.coj.go.th เพื่อดูขั้นตอนการสมัครใช้งาน

3. เตรียมเอกสาร และพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ

เอกสารครบ ช่วยให้ศาลพิจารณาได้เร็ว

ป้องกันการยื่นเอกสารซ้ำ หรือเรียกสอบพยานเพิ่ม

ช่วยให้ทนายทำงานได้ง่ายขึ้น ลดจำนวนครั้งในการเข้าศาล

ตัวอย่างเอกสารที่ควรมี :

สำเนาบัตรประชาชน

สัญญากู้ยืมเงิน

สลิปโอนเงิน

แชตที่ใช้เป็นหลักฐาน

4. เลือกทนายความอย่างคุ้มค่า

ไม่จำเป็นต้องจ้างทนายเต็มรูปแบบหากคดีไม่ซับซ้อน

สามารถจ้างแบบรายครั้ง เช่น ตรวจคำฟ้อง ให้คำปรึกษาก่อนขึ้นศาล

หาทนายผ่านระบบออนไลน์หรือศูนย์ให้คำปรึกษากฎหมายของรัฐ

แหล่งค้นหาทนายราคาย่อมเยา :

สภาทนายความ

เว็บไซต์ LawSiam.com

มหาวิทยาลัยที่มีคลินิกกฎหมาย

5. ขอรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล

ศาลอนุญาตให้ ผู้มีฐานะยากจน ยื่นขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล

ต้องยื่นคำร้องพร้อมหลักฐาน เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน ใบรับรองเงินเดือน

ผลดี : ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมฟ้องซึ่งอาจสูงถึงหลายพันบาท

6. ใช้บริการหน่วยงานช่วยเหลือประชาชน

ศูนย์ดำรงธรรม, กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ, หรือสำนักงานอัยการ

ให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมายเบื้องต้นฟรี

ช่วยประสานงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้อย่างเป็นทางการ

เหมาะกับประชาชนทั่วไปที่ไม่เข้าใจกฎหมาย หรือยังไม่พร้อมเข้าสู่กระบวนการศาล

7. ติดตามคดีผ่านระบบออนไลน์

เว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรม (www.coj.go.th)

ตรวจสอบวันนัดพิจารณา ผลคำพิพากษา และสถานะคดีโดยไม่ต้องเดินทาง

ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย และเวลาที่ต้องไปศาลบ่อยครั้ง

ประเภทของคดีที่เหมาะกับแนวทางฟ้องร้องแบบประหยัด

คดีหนี้เงินจำนวนไม่มาก (คดีผู้บริโภค)

คดีค่าเสียหายจากสัญญา

คดีเช่าซื้อหรือเช่าทรัพย์

คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่า

คดีหมิ่นประมาทผ่านโซเชียลมีเดีย (มีหลักฐานชัดเจน)
 

การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ หากคุณรู้จัก วิธีการดำเนินคดีแบบประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย อย่างรอบคอบ การใช้เครื่องมือออนไลน์ บริการภาครัฐ และวางแผนล่วงหน้าจะช่วยลดความยุ่งยาก และยังทำให้คุณสามารถรักษาสิทธิของตนเองได้เต็มที่โดยไม่สูญเสียทรัพยากรเกินความจำเป็น

หากคุณกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ หรือมีข้อสงสัยในการฟ้องร้องคดี ลองเริ่มต้นด้วยการศึกษาวิธีที่ประหยัด และเหมาะกับสถานการณ์ของคุณที่สุด และอย่าลืมว่า “การรู้กฎหมายเบื้องต้น คือ การป้องกันความเสียหายล่วงหน้าได้ดีที่สุด”

ข้อมูลอ้างอิง

สำนักงานกิจการยุติธรรม