ขั้นตอนการฟ้องร้อง, ฟ้องร้องคดีแพ่ง และการฟ้องร้องคดี คือ กระบวนการทางกฎหมายที่บุคคลสามารถใช้สิทธิ์ในการเรียกร้องความยุติธรรมต่อศาลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนอาจคิดว่าการฟ้องร้องเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน แต่ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการฟ้องร้องจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินคดีได้อย่างมั่นใจ ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการฟ้องร้องคดีแพ่ง ผู้เสียหายควรประเมินว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสามารถเข้าสู่ขอบเขตของ “คดีแพ่ง” ได้หรือไม่ เช่น
การผิดสัญญา
การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
หนี้สิน หรือเงินค้างชำระ
ความเสียหายจากการกระทำของผู้อื่น
หากเข้าเกณฑ์เหล่านี้ ก็สามารถเริ่มกระบวนการ การฟ้องร้องคดีแพ่ง ได้ทันที
การฟ้องร้องคดีแพ่ง เป็นกระบวนการหนึ่งที่บุคคลใช้สิทธิทางกฎหมายในการเรียกร้องความเสียหาย หรือความเป็นธรรมจากอีกฝ่ายผ่านทางศาล ซึ่งมีขั้นตอนทางกฎหมายที่ชัดเจน และเป็นระบบ หากคุณเป็นผู้เสียหาย และกำลังคิดจะดำเนินการฟ้องคดี การเข้าใจขั้นตอนการฟ้องร้องอย่างละเอียดเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนเริ่มดำเนินคดี ต้องพิจารณาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ในขอบเขตของคดีแพ่งหรือไม่ ตัวอย่างของคดีแพ่ง เช่น
ผิดสัญญา เช่น ซื้อขายแล้วไม่จ่ายเงิน
คดีละเมิด เช่น ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
คดีหนี้สิน เช่น กู้ยืมเงินแล้วไม่คืน
เรียกค่าเสียหายจากการกระทำโดยมิชอบ
หมายเหตุ : หากเป็นคดีอาญา เช่น ทำร้ายร่างกาย หรือฉ้อโกง อาจต้องดำเนินคดีคนละประเภท
หลักฐาน คือ หัวใจของการฟ้องร้อง ได้แก่
เอกสาร : สัญญา, ใบเสร็จ, บันทึกการโอนเงิน
พยานบุคคล : คนที่เห็นเหตุการณ์ หรือเกี่ยวข้อง
หลักฐานดิจิทัล : แชต, อีเมล, ข้อความจากโซเชียลมีเดีย
ควรเตรียมให้พร้อมเพื่อใช้ประกอบการยื่นคำฟ้อง และแสดงต่อศาล
หากไม่มั่นใจในข้อกฎหมาย หรือขั้นตอนการฟ้องร้อง การปรึกษาทนายความจะช่วยให้คุณ
เข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
วางแนวทางการฟ้องคดี
จัดเตรียมคำฟ้อง และเอกสารอย่างถูกต้อง
หากเป็นคดีที่มูลค่าไม่สูงมาก คุณสามารถไปศาลเองได้ โดยอาจขอคำปรึกษาฟรีจากสำนักงานช่วยเหลือประชาชนตามศาล
ขั้นตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่กระบวนการศาล
รายละเอียดที่ต้องเตรียมมีดังนี้ :
คำฟ้อง : บรรยายเหตุแห่งการฟ้อง, สิ่งที่เรียกร้อง เช่น ขอให้ชำระเงินคืน
รายละเอียดของโจทก์และจำเลย
หลักฐานประกอบคำฟ้อง
ค่าธรรมเนียมศาล (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าคดี หรือขั้นต่ำตามกฎหมาย)
หลังยื่นคำฟ้อง ศาลจะตรวจคำฟ้อง และออกหมายเรียกให้จำเลยมาศาล
ศาลจะทำหน้าที่ส่งเอกสารไปยัง “จำเลย” เพื่อแจ้งว่ามีการฟ้องร้อง และให้จำเลยมาศาลตามนัด
การส่งหมายอาจทำโดยเจ้าหน้าที่ของศาล หรือตำรวจศาล
จำเลยต้องแสดงตัวตามนัดในหมายศาล มิฉะนั้น อาจถูกพิจารณาคดีโดยขาดนัดได้
หลายคดีโดยเฉพาะคดีแพ่ง ศาลจะนัดเจรจาไกล่เกลี่ยก่อน หากคู่กรณีสามารถตกลงกันได้
จะยุติเรื่องด้วย “คำพิพากษาประนีประนอม”
ลดค่าใช้จ่าย และเวลาของทุกฝ่าย
หากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ศาลจะพิจารณาคดีต่อ
หากคดีเข้าสู่ชั้นพิจารณา ศาลจะทำการ
นัดสอบคำให้การ
นัดสืบพยานโจทก์และจำเลย
ศาลพิจารณาหลักฐานทั้งหมด
ในแต่ละนัด อาจใช้เวลาหลายเดือนจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี และจำนวนพยาน
หลังพิจารณาแล้ว ศาลจะมีคำพิพากษา เช่น
พิพากษาให้จำเลยจ่ายเงิน
หรือยกฟ้องหากไม่มีหลักฐานเพียงพอ
หากฝ่ายใดไม่พอใจ สามารถอุทธรณ์ หรือฎีกาได้ตามสิทธิที่กฎหมายให้ไว้
หากศาลตัดสินให้โจทก์ชนะคดี แต่จำเลยไม่ดำเนินการตามคำพิพากษา (เช่น ไม่จ่ายเงิน) โจทก์สามารถดำเนินการ “บังคับคดี” เช่น
ยึดทรัพย์
อายัดเงินเดือน
อายัดบัญชีธนาคาร
พึงระลึกว่า “การฟ้องร้องคดี” เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และทรัพยากร ควรพิจารณาความคุ้มค่า เพิ่มโอกาสในการชนะคดี
การมีทนายความที่มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญด้านคดีแพ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของตนเอง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด
เป็นคดีที่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
ตัวอย่าง :
นายเอทำสัญญาขายรถให้กับนายบี โดยตกลงว่าอีกฝ่ายจะชำระเงินภายใน 30 วัน แต่เมื่อถึงกำหนด นายบีกลับไม่จ่าย นายเอจึงฟ้องศาลเพื่อเรียกเงินค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ย
บริษัทหนึ่งจ้างช่างรับเหมาสร้างบ้าน แต่ช่างไม่ทำงานตามที่ระบุในสัญญา หรือทำไม่เสร็จ ผู้ว่าจ้างสามารถฟ้องร้องเพื่อขอให้ทำให้เสร็จ หรือเรียกค่าเสียหายได้
เกิดจากการที่บุคคลหนึ่งทำให้ผู้อื่นเสียหาย ทั้งโดยเจตนา ประมาท หรือไม่ระมัดระวัง
ตัวอย่าง :
ขับรถชนรถผู้อื่นโดยประมาท ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรือมีผู้บาดเจ็บ
ทำของหล่นจากตึกใส่คนเดินถนน
ใช้ถ้อยคำหมิ่นประมาท ทำให้ชื่อเสียงของผู้อื่นเสียหาย
สุนัขที่เลี้ยงไว้กัดคนอื่นจนบาดเจ็บ เจ้าของต้องรับผิดชอบ
เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับสถานะบุคคล ความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น การหย่า สิทธิเลี้ยงดูบุตร การเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู
ตัวอย่าง :
ฟ้องหย่าเพราะอีกฝ่ายมีชู้ หรือทิ้งภรรยาและลูกไปโดยไม่ดูแล
พ่อแม่แยกทางกัน แล้วมีการฟ้องร้องกันเรื่องสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร
บิดาหรือมารดาไม่ส่งเสียเลี้ยงดูบุตรตามที่ตกลงไว้ อีกฝ่ายจึงฟ้องเรียกค่าอุปการะ
เกิดขึ้นเมื่อต้องแบ่งทรัพย์สินของผู้ตายตามกฎหมายหรือพินัยกรรม
ตัวอย่าง :
ลูกหลานทะเลาะกันเรื่องมรดกของพ่อแม่ที่เสียชีวิต โดยยังไม่ได้จัดการมรดกอย่างถูกต้อง
มีผู้ถือพินัยกรรมขึ้นมาขอแบ่งทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม
มีบุคคลที่ไม่ได้เป็นทายาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เข้ามาแอบอ้างสิทธิ์ในทรัพย์มรดก
เกิดจากการเช่า และไม่ปฏิบัติตามสัญญา เช่น ไม่จ่ายค่าเช่า หรือไม่คืนทรัพย์สิน
ตัวอย่าง :
ผู้เช่าห้องพักไม่จ่ายค่าเช่าหลายเดือน เจ้าของห้องจึงฟ้องขับไล่ และเรียกค่าเสียหาย
เช่ารถมาใช้แล้วไม่คืนภายในระยะเวลาที่ตกลง
เช่าที่ดินทำการเกษตร แล้วปล่อยให้สภาพทรุดโทรมผิดเงื่อนไขสัญญาเช่า
เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงิน หรือการใช้เช็ค ตั๋วแลกเงิน แล้วไม่ชำระตามกำหนด
ตัวอย่าง :
ฟ้องเรียกเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ตามสัญญาเงินกู้หรือใบยืมเงิน
ลูกหนี้เขียนเช็คแล้วเช็คเด้ง เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินตามตั๋วเงินได้
ยืมเงินแบบไม่มีพยาน หรือเอกสาร แต่มีหลักฐานการโอนเงิน และข้อความแชท ก็สามารถใช้ฟ้องได้
คดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิความเป็นเจ้าของ เช่น การบุกรุก การรุกล้ำที่ดิน
ตัวอย่าง :
มีคนปลูกบ้านล้ำเข้ามาในที่ดินของตน
ถูกขโมยทรัพย์สินไป แล้วฟ้องเรียกคืน
ฟ้องเพิกถอนการขาย หรือโอนกรรมสิทธิ์โดยมิชอบ
ข้อมูลอ้างอิง
สำนักงานกิจการยุติธรรม