Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การยื่นภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์ วิธีการและสิ่งที่ต้องระวัง

Posted By Kung_nadthanan | 07 เม.ย. 68
177 Views

  Favorite

 

สำหรับฟรีแลนซ์หรือผู้ที่มีรายได้จากการรับงานอิสระ การรู้จักและเข้าใจเรื่อง “การยื่นภาษีฟรีแลนซ์” ถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะแม้ว่าจะไม่ได้มีนายจ้างหักภาษี ณ ที่จ่ายให้เหมือนพนักงานประจำ แต่ก็ยังมีหน้าที่ต้องเสีย “ภาษีเงินได้ฟรีแลนซ์” ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้มีปัญหากับกรมสรรพากรในภายหลัง

 

ฟรีแลนซ์ต้องเสียภาษีหรือไม่ ?

คำตอบคือ “ต้องเสียภาษี” ถ้าคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยกรมสรรพากรถือว่าฟรีแลนซ์คือ “ผู้มีเงินได้ประเภทที่ 2 และ 3” ตามประมวลรัษฎากร เช่น ค่าจ้างทำของ ค่าบริการ หรือค่าตอบแทนในลักษณะอื่น ๆ ซึ่งต้องนำมาคำนวณรวมเป็นรายได้ทั้งปีเพื่อยื่นแบบแสดงรายได้ประจำปี (แบบ ภ.ง.ด. 90)

 

รายได้ถึงเกณฑ์ไหนต้องยื่นภาษี ?

- ถ้ามีรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปี (โสด) หรือ 120,000 บาทต่อปี (สมรส) → ต้องยื่นภาษี

- ถ้ารายได้เกิน 150,000 บาทต่อปี → ต้องเสียภาษีด้วย (หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน)

 

 

วิธีการยื่นภาษีฟรีแลนซ์ ปี 2568

1. เช็คก่อนว่าคุณต้องยื่นภาษีหรือไม่ ?

เงื่อนไขรายได้ที่ต้องยื่นภาษี

- บุคคลโสด รายได้รวมทั้งปีเกิน 60,000 บาท ต้องยื่นแบบแสดงรายได้

- สมรส (แยกยื่น) รายได้เกิน 60,000 บาท ต่อคน ต้องยื่น

- มีรายได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษี

หมายเหตุ : ฟรีแลนซ์จัดอยู่ในกลุ่ม ผู้มีเงินได้ประเภทที่ 2 และ 3 เช่น ค่าจ้าง ค่าออกแบบ ค่าบริการต่าง ๆ

 

2. เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม

ก่อนยื่นภาษี ควรจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไว้ให้ครบถ้วน ได้แก่

- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)

- เอกสารรับเงิน หรือรายงานรายได้ (เช่น รายการรับงานจากลูกค้า)

- หลักฐานค่าใช้จ่าย (ถ้าจะหักค่าใช้จ่ายตามจริง)

- เอกสารลดหย่อนภาษี เช่น เบี้ยประกันชีวิต, กองทุน SSF/RMF, ดอกเบี้ยบ้าน, ค่าบุตร, ค่าพ่อแม่, ใบเสร็จบริจาค ฯลฯ

 

3. คำนวณรายได้ – หักค่าใช้จ่าย – ลดหย่อน

ขั้นตอนการคำนวณภาษีฟรีแลนซ์ มี 3 ส่วนหลัก

1. รวมรายได้ตลอดปี เช่น ได้งานออกแบบ 10,000 บาท/เดือน รวมทั้งปี = 120,000 บาท

2. หักค่าใช้จ่าย

- แบบเหมา : หักได้ 60% ของรายได้

- แบบตามจริง : ต้องมีใบเสร็จรับเงิน, บิล หรือเอกสารยืนยัน

3. หักค่าลดหย่อน เช่น เบี้ยประกันชีวิต 100,000 บาท, กองทุน SSF อีก 50,000 บาท เป็นต้น

- ผลลัพธ์จาก (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ลดหย่อน) = เงินได้สุทธิ
- ถ้าเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาท → ต้องเสียภาษี

 

4. เข้าเว็บไซต์เพื่อยื่นแบบออนไลน์

ขั้นตอนยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร

1. เข้าเว็บไซต์ : https://efiling.rd.go.th

2. สมัครใช้งาน (ถ้ายังไม่มีบัญชี) หรือเข้าสู่ระบบ

3. เลือกแบบฟอร์ม “ภ.ง.ด. 90” สำหรับผู้มีรายได้จากงานอิสระ

4. กรอกรายได้, ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนตามจริง

5. ระบบจะคำนวณภาษีให้อัตโนมัติ

6. ตรวจสอบความถูกต้อง แล้ว กดยืนยันการยื่น

เคล็ดลับ : หากมีภาษีต้องชำระ และยอดเกิน 3,000 บาท สามารถเลือก “ผ่อนชำระ” ได้ 3 งวด (ไม่มีดอกเบี้ย)

 

5. ชำระภาษี (ถ้ามี)

เมื่อระบบแจ้งยอดที่ต้องจ่าย คุณสามารถเลือกวิธีชำระได้ดังนี้

- Mobile Banking

- พร้อมเพย์ (สแกน QR Code)

- ตัดบัญชีธนาคาร

- ชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคารหรือไปรษณีย์
 

6. เก็บหลักฐานไว้ให้ดี

หลังจากยื่นภาษีแล้ว อย่าลืม

- บันทึกเลขที่อ้างอิงการยื่น

- ดาวน์โหลดใบเสร็จ/ใบยื่นแบบ

- เก็บเอกสารไว้เผื่อการตรวจสอบย้อนหลัง

 

 

สิ่งที่ต้องระวังในการยื่นภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์ ยื่นผิดอาจโดนปรับ!

การทำงานแบบ ฟรีแลนซ์หรืออาชีพอิสระ กำลังเป็นที่นิยมในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ กราฟิกดีไซเนอร์ นักเขียน โปรแกรมเมอร์ หรือนักการตลาดออนไลน์ ล้วนมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือน แต่การยื่นภาษีของฟรีแลนซ์มีรายละเอียด และจุดเสี่ยงมากกว่าที่หลายคนคิด หากยื่นไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหา ถูกตรวจสอบย้อนหลัง ถูกปรับ หรือเสียดอกเบี้ยภาษี ดังนั้น ข้อควรระวังในการยื่นภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์ เพื่อให้คุณไม่พลาด และสามารถจัดการภาษีได้อย่างมืออาชีพ

1. ไม่ยื่นภาษีเลย ทั้งที่มีรายได้เกินเกณฑ์

ฟรีแลนซ์บางคนเข้าใจผิดว่า ไม่มีนายจ้าง = ไม่ต้องเสียภาษี 

ความจริงแล้ว หากคุณมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด แม้ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย คุณก็มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 ทุกปี

เกณฑ์เบื้องต้น

- รายได้รวมต่อปีเกิน 60,000 บาท (บุคคลโสด) ต้อง “ยื่นภาษี”

- รายได้สุทธิเกิน 150,000 บาท ต้อง “เสียภาษี”

หากไม่ยื่นภาษี = มีความผิดตามกฎหมาย เสี่ยงโดนค่าปรับและเบี้ยปรับย้อนหลัง

 

2. ไม่แยกรายได้ที่หักภาษี ณ ที่จ่าย กับที่ไม่ได้หัก

ฟรีแลนซ์หลายคนมักได้รับเอกสาร “หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย” จากลูกค้า (เช่น หัก 3% หรือ 5%) แต่ลืมว่ารายได้บางส่วนอาจไม่ได้มีการหักไว้ล่วงหน้า

สิ่งที่ต้องทำ

- รวมรายได้ทั้งหมดที่ได้รับ (ทั้งหักและไม่หัก)

- กรอกข้อมูลให้ครบในการยื่นแบบ

- ถ้ามีเอกสารหัก ณ ที่จ่าย ให้นำไป “เครดิตภาษีคืน” ได้

หากกรอกเฉพาะรายได้ที่หักภาษีไว้ อาจถูกมองว่า ปกปิดรายได้บางส่วน มีความเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบ

 

3. เลือกวิธีหักค่าใช้จ่ายไม่เหมาะสม

ฟรีแลนซ์สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบ

- หักเหมาตามกฎหมาย (60%)

- หักตามจริง (ต้องมีหลักฐาน)

ข้อควรระวัง

- หักตามจริง ต้องมีใบเสร็จรับเงิน/บิลที่ถูกต้องตามกฎหมาย

- ไม่ควรใส่ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าซื้อของส่วนตัว ค่าเที่ยว ฯลฯ

หากเลือกหักตามจริงแต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ กรมสรรพากรอาจไม่รับพิจารณา และเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

 

4. ไม่ใช้สิทธิลดหย่อนให้ครบ

ฟรีแลนซ์หลายคน เสียภาษีแพงโดยไม่จำเป็น เพราะลืมใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐให้ เช่น

- ค่าลดหย่อนส่วนตัว (60,000 บาท)

- ค่าลดหย่อนบุตร, พ่อแม่

- เบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ

- กองทุน SSF, RMF

- ดอกเบี้ยบ้าน

- ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา/การบริจาค

ควรศึกษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่า ปีนั้น ๆ มีสิทธิ์อะไรใช้ได้บ้าง เพื่อ ลดภาระภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

5. ยื่นแบบผิดประเภท (ใช้ภ.ง.ด. 91 แทน 90)

ฟรีแลนซ์ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 เท่านั้น

เพราะคุณมีรายได้จากค่าจ้างที่ไม่ใช่เงินเดือนประจำ ซึ่งต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่ใช้ ภ.ง.ด. 91

หากกรอกผิดแบบ ระบบอาจไม่คำนวณภาษีได้ถูกต้อง และถือว่า ยื่นไม่สมบูรณ์

 

6. ยื่นล่าช้า เสี่ยงโดนปรับและดอกเบี้ย

กำหนดยื่นภาษีรายปี

- ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี (แบบกระดาษ)

- ขยายได้ถึงต้นเมษายน หากยื่นออนไลน์

หากเลยกำหนดจะมีผลตามนี้

- ค่าปรับ : 200 – 2,000 บาท

- เบี้ยปรับ : 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ค้างชำระ

ควรตั้งเตือนล่วงหน้า หรือยื่นแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับโดยไม่จำเป็น

 

7. ไม่เก็บเอกสารหลักฐานไว้

แม้จะยื่นผ่านระบบออนไลน์แล้ว แต่ควร

- เก็บใบเสร็จการชำระภาษี

- เก็บหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย

- เก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายและลดหย่อนภาษี

กรมสรรพากรมีสิทธิ์เรียกตรวจสอบย้อนหลังได้ถึง 5 ปี

หากไม่มีเอกสารยืนยัน คุณอาจต้องชำระภาษีใหม่พร้อมดอกเบี้ย

 

เทคนิคประหยัดภาษีสำหรับฟรีแลนซ์

- วางแผนล่วงหน้า เช่น ลงทุนในกองทุนลดหย่อน (SSF, RMF)

- หมั่นเก็บหลักฐานรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับงาน

- หักค่าใช้จ่ายตามจริงถ้ามีเยอะ อาจประหยัดได้มากกว่าการหักเหมา

- แบ่งจ่ายภาษีเป็น 3 งวด (ถ้ายอดภาษีเกิน 3,000 บาท)


แม้จะเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่มีบัญชีรายรับรายจ่ายเหมือนบริษัท แต่ก็สามารถจัดการภาษีให้ถูกต้องได้ หากเข้าใจหลักการและขั้นตอนที่ถูกต้อง การ ยื่นภาษีฟรีแลนซ์ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงคุณศึกษาข้อมูลให้ครบ และเริ่มต้นวางแผนให้ดี ก็สามารถจัดการภาษีได้แบบมืออาชีพ

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมสรรพากร

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow