Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การลดหย่อนภาษี: สิทธิประโยชน์ที่คุณไม่ควรพลาด

Posted By Kung_nadthanan | 04 เม.ย. 68
95 Views

  Favorite

 

การลดหย่อนภาษี เป็นสิทธิที่ผู้เสียภาษีสามารถใช้เพื่อลดภาระทางภาษีของตนเองได้ตามกฎหมาย โดยการใช้ สิทธิประโยชน์ภาษี อย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณประหยัดเงินภาษีได้มากขึ้น และวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะอธิบายเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีประเภทต่าง ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง

 

 

ประเภทของการลดหย่อนภาษีที่สำคัญในปี 2568

1. ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว

ค่าลดหย่อนส่วนตัว: ผู้มีเงินได้สามารถหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท

ค่าลดหย่อนคู่สมรส: หากคู่สมรสไม่มีรายได้ สามารถหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท

ค่าลดหย่อนบุตร: สามารถหักลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อบุตรหนึ่งคน​

ค่าใช้จ่ายในการศึกษาบุตร: สามารถหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท

ค่าประกันสังคม: หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง​

2. ค่าลดหย่อนจากการประกัน เงินออม และการลงทุน

เบี้ยประกันชีวิต: หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท​

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนการออมแห่งชาติ​

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD): หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือน และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับ RMF และกองทุนการออมแห่งชาติ​
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท และเมื่อรวมกับ RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท


3. ค่าลดหย่อนจากเงินบริจาค

เงินบริจาคทั่วไป: หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิ​

เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา และสาธารณประโยชน์: หักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิ​
 

4. ค่าลดหย่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ

โครงการ Easy E-Receipt 2.0: ผู้เสียภาษีสามารถหักลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท จากการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยแบ่งเป็นสองส่วน

ส่วนที่ 1: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีการออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt​
ส่วนที่ 2: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) หรือสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่มีการออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt

หมายเหตุ: การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี ควรติดตามข้อมูลจากกรมสรรพากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้องและครบถ้วน​

การทำความเข้าใจและใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดภาษีได้อย่างเต็มที่

 

เคล็ดลับการใช้สิทธิประโยชน์ภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษีและจัดการภาระภาษีอย่างชาญฉลาด การวางแผนภาษีที่ดีไม่เพียงช่วยลดภาระภาษี แต่ยังช่วยให้คุณสามารถออมเงินและลงทุนเพื่ออนาคตได้อีกด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก เคล็ดลับการใช้สิทธิประโยชน์ภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

1. ศึกษาสิทธิประโยชน์ภาษีที่มีให้ครบถ้วน

กรมสรรพากรมีมาตรการลดหย่อนภาษีหลายประเภท เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนครอบครัว เงินบริจาค และสิทธิพิเศษจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละรายการช่วยให้คุณใช้สิทธิประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ตัวอย่างที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่

ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท

ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท

ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 บาท

ค่าลดหย่อนจากการลงทุน เช่น RMF, SSF, PVD

สิทธิประโยชน์จากโครงการรัฐ เช่น Easy E-Receipt 2.0

เคล็ดลับ: ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์กรมสรรพากร หรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้แน่ใจว่าคุณใช้สิทธิได้ครบ

2. วางแผนภาษีล่วงหน้า

การวางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปี ช่วยให้คุณไม่พลาดสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับและสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

การลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษี

RMF และ SSF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท แต่ต้องลงทุนตามเงื่อนไข

วางแผนทยอยลงทุนเป็นรายเดือนแทนการลงทุนก้อนใหญ่ช่วงปลายปี

การใช้สิทธิเงินบริจาค

เงินบริจาคเพื่อการศึกษาและสาธารณประโยชน์สามารถลดหย่อนได้ 2 เท่า

เลือกบริจาคในช่วงต้นปีเพื่อวางแผนการเงินได้ดีขึ้น

เคล็ดลับ: ใช้เครื่องคำนวณภาษีออนไลน์เพื่อดูว่าควรลงทุนหรือใช้สิทธิประโยชน์ภาษีอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. ใช้สิทธิประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้คุ้มค่า

การทำ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ไม่เพียงช่วยลดหย่อนภาษี แต่ยังเป็นการวางแผนการเงินที่ชาญฉลาด โดยมีเงื่อนไขดังนี้

เบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท

เบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท

ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท

เคล็ดลับ: เลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมและมีผลตอบแทนที่ดี เพื่อให้ได้รับทั้งความคุ้มครองและสิทธิภาษีที่คุ้มค่า

4. ใช้สิทธิลดหย่อนจากสินทรัพย์และที่อยู่อาศัย

หากคุณมีการกู้ซื้อบ้านหรือผ่อนบ้าน สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ เช่น

ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน: ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท

เคล็ดลับ: หากกำลังวางแผนซื้อบ้าน ควรคำนวณภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ

5. ใช้สิทธิลดหย่อนจากมาตรการรัฐ

รัฐมักมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ เช่น

Easy E-Receipt 2.0: ลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท

โครงการช้อปดีมีคืน: ลดหย่อนได้จากการซื้อสินค้าและบริการที่มีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ

เคล็ดลับ: ติดตามข่าวสารจากกรมสรรพากรและภาครัฐ เพื่อใช้มาตรการให้เกิดประโยชน์สูงสุด

6. จัดเก็บเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน

แม้ว่าระบบภาษีของไทยจะพัฒนาไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น แต่เอกสารหลักฐานยังคงมีความสำคัญ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี และเอกสารรับรองจากกองทุน ควรจัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อง่ายต่อการยื่นภาษี

เคล็ดลับ: สแกนเอกสารเก็บไว้ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้สะดวกต่อการค้นหาและยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์

7. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณมีรายได้หลายช่องทางหรือมีรายได้สูง การปรึกษานักวางแผนภาษีหรือที่ปรึกษาการเงินอาจช่วยให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด

เคล็ดลับ: ใช้บริการที่ปรึกษาภาษีเพื่อลดภาระภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

การลดหย่อนภาษีเป็นสิทธิที่ผู้เสียภาษีควรศึกษาและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการเลือกใช้สิทธิที่เหมาะสมสามารถช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางที่ช่วยให้คุณสามารถวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น หากต้องการประหยัดภาษีและเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน การศึกษาข้อมูลและวางแผนการใช้สิทธิประโยชน์ภาษีตั้งแต่ต้นปีจะช่วยให้คุณได้รับผลประโยชน์สูงสุด

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมสรรพากร

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow