ตอบคำถาม 5 ข้อนี้ เพื่อรู้ว่าคุณรู้จักร้านตัวเองดีพอหรือไม่
- ร้านของเรามีจุดเด่น จุดต่างจากร้านอื่นอย่างไร
- ใครคือกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเรา
- อะไรที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อกับเราอีก
- อะไรคือโอกาสต่อยอดหรือข้อจำกัดของร้าน
- ปัจจัยอะไรที่เป็นอุปสรรคให้ร้านไม่โต และจะแก้ไขอย่างไร
หากสามารถตอบคำถามทั้งหมด แสดงว่ามีความพร้อม รู้จักธุรกิจตัวเองดีพอสมควร เริ่มที่จะลุยแคมเปญและโปรโมชันที่ตรงเป้าได้อย่างไม่หลงทาง
การขายให้ปัง ไม่ใช่หมายถึงสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการมอบประสบการณ์และบริการที่โดดเด่นแก่ลูกค้าอีกด้วย เพราะจะช่วยดึงดูดและทำให้ร้านเป็นที่จดจำและได้รับการพูดถึงมากขึ้น ดังนั้นการดูแลลุค วางภาพลักษ์ที่เหมาะสม การมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมพกความมั่นใจเต็มร้อยของเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามาแนะนำ พูดคุยกับลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่นการไลฟ์สด ก็สามารถทำให้เกิดการบอกต่อแบบที่ร้านไหน ๆ ก็ทำตามไม่ได้
การทำคอนเทนต์เพียงแบบเดียวแล้วหว่านให้คนทุกกลุ่มอาจไม่ได้ผล และทำให้ได้รับผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควรด้วยซ้ำ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำคอนเทนต์ ต้องรู้กลุ่มเป้าหมาย จุดประสงค์ของคอนเทนต์ และช่องทาง เพื่อวางแผนและกำหนดรูปแบบคอนเทนต์ในแต่ละครั้ง เช่น รูปภาพ วีดีโอ ไลฟ์สด การเปิดโหวต หรือการส่งแบบสอบถามผ่าน LINE Official Account เป็นต้น เพราะถึงแม้สินค้าที่เราขายจะเหมือนกับร้านอื่น แต่หากคอนเทนต์ปังกว่าก็หมายถึงการได้รับความสนใจจากลูกค้ามากกว่า ยิ่งมีการแชร์ต่อ ทำให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้นไปอีก
ความไวเป็นเรื่องของทุกคน ยิ่งรู้ไวและหยิบเทรนด์มาใช้กับแบรนด์หรือร้านได้แบบเรียลไทม์ได้ ยิ่งสร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง การอัปเดตเทรนด์เป็นเหมือนการติดอาวุธชั้นดีให้แบรนด์ได้เรียนรู้ เพื่อสามารถคาดเดาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในอนาคต
พูดคุยอย่างเป็นกันเองและสุภาพ หยอดมุขบ้าง เพื่อสร้างประสบการณ์การแชทที่ดีให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของร้านอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา และไม่เร่งรัดมากเกินไป เน้นทำความเข้าใจความต้องการ มาากว่าเอาแตาเสนอขายอย่างเดียว จะเป็นการสร้างความมั่นใจของลูกค้าให้เกิดขึ้น และแม้วันนี้ลูกค้าจะยังไม่ซื้อสินค้าของเรา แต่เชื่อเถอะว่าการสร้างความประทับใจในวันนี้ จะทำให้ร้านของเราเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าและพากลับมาหาเราอย่างแน่นอน
การให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมและสามารถติตต่อกับร้านค้าได้โดยตรง ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจยุคนี้มาก แต่หลายคนในที่นี้อาจมองข้ามความสำคัญของแพลตฟอร์มไป การเลือกแพลตฟอร์มสำหรับสื่อสารที่มีหน้าตาที่ใช้ง่ายและไหลลื่น จะช่วยเพิ่มความประทับใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการขายได้ ยิ่งถ้ามีสติ๊กเกอร์เข้ามาเพิ่มอรรถรสในบทสนทนา อาจสร้างโมเมนต์มุ้งมิ้งมัดใจลูกค้าไปอีก
ยุคนี้ต้องยอมรับว่า อินฟลูเอนเซอร์ และ เซเลบคนดัง มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจริง ๆ ซึ่งนอกเหนือจากงบโฆษณาแล้ว ร้านค้าอาจต้องกันงบส่วนหนึ่งไว้สำหรับการทำ Influencer Marketing โดยเลือกใช้ อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีคาแรคเตอร์น่าสนใจ เหมาะสมกับสินค้าเรา ให้มาช่วยรีวิวและบอกต่อผ่านคอนเทนต์สนุก ๆ นอกจากจะช่วยให้ร้านเราเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ยังสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
เพราะร้านเล็กอาจมีทีมทำงานจำนวนไม่มาก แพลตฟอร์มที่เลือกใช้ควรจะเข้ามาเป็นผู้ช่วยอีกแรงที่มาแบ่งเบาให้ร้านค้าเหนื่อยน้อยลง ทำงานง่ายขึ้น โดยเฉพาะแพลตฟอร์มแบบโซเชียลคอมเมิร์ซ ที่ใช้งานง่ายและเป็นที่นิยมของคนไทยอยู่แล้ว และที่สำคัญช่วยประหยัดต้นทุนธุรกิจได้อีกด้วย
หมั่นตรวจสอบทริคทั้ง 8 ข้อนี้เสมอ จะเป็นตัวช่วยให้กับเหล่าร้านค้าวางแผนชวนขาช้อป มาเลือกซื้อสินค้าแบบจัดหนัก และแพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซที่จะอำนวยความสะดวกได้ ควรจะมีเครื่องมือต่อไปนี้
- มี Chatbot ที่คอยตอบข้อความและคำถามเบื้องต้นได้ทันใจ
- มีหน้าเว็บใส่รายการสินค้าทั้งหมดให้ลูกค้าเลือกและกดชำระเงินได้ทันทีที่ต้องการ
- มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ทั้งชำระเงินปลายทาง โอนเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร PromptPay บัตรเครดิต และ Rabbit LINE Pay
- มีระบบหลังบ้านที่คอยช่วยร้านค้าจัดการสต็อกสินค้า ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดและจัดการสต็อกสินค้าอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ลูกค้าไม่ต้องรอสรุปออร์เดอร์
- มีแคมเปญช่วยดันยอดดี ๆ เช่น โปรโมทร้านให้ฟรี จัดทัพเซเลบริตี้ ศิลปิน และดารามาช่วยไลฟ์ขายสินค้า มอบเครดิตการลงโฆษณาบน Ad Platform
- มีคลินิกการทำโฆษณาออนไลน์ให้ปรึกษา ช่วยเซฟค่าทำการตลาดแบบเป็นครอบครัว