Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

สิทธิของผู้บริโภค: สิ่งที่คุณควรรู้เพื่อปกป้องตนเอง

Posted By Kung_nadthanan | 03 มี.ค. 68
392 Views

  Favorite

ปัจจุบัน สิทธิผู้บริโภค เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรทำความเข้าใจ เพราะมีบทบาทโดยตรงในการคุ้มครองเราในฐานะผู้ซื้อสินค้าและบริการ หากเราไม่รู้สิทธิของตนเอง อาจตกเป็นเหยื่อของการเอาเปรียบจากผู้ประกอบการได้ กฎหมายผู้บริโภคถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสร้างความเป็นธรรมและให้แน่ใจว่าผู้บริโภคได้รับการปกป้องจากสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม

 

สิทธิผู้บริโภคมีอะไรบ้าง?

สิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค สามารถแบ่งออกเป็น 8 ประการ ได้แก่

1. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัย

ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับสินค้าและบริการที่ไม่มีอันตรายต่อชีวิต สุขภาพ หรือทรัพย์สินของตนเอง โดยผู้ประกอบการต้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน หากพบว่าสินค้าหรือบริการมีข้อบกพร่องที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนหรือเรียกร้องค่าชดเชยได้

2. สิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ

ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ถูกต้อง ครบถ้วน และไม่บิดเบือน เช่น รายละเอียดสินค้า ส่วนประกอบ วิธีใช้ ผลข้างเคียง วันหมดอายุ และราคาที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการได้อย่างเหมาะสม

3. สิทธิในการเลือกสินค้าและบริการ

ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากตัวเลือกที่หลากหลาย โดยไม่มีการบังคับหรือผูกขาด ผู้ขายต้องไม่ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การตั้งราคาสินค้าสูงเกินจริง หรือการจำกัดทางเลือกของผู้บริโภค

4. สิทธิในการแสดงความคิดเห็นและร้องเรียน

ผู้บริโภคมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการ รวมถึงร้องเรียนหากได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เช่น สินค้าชำรุด บริการไม่เป็นไปตามที่โฆษณา หรือการถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ

5. สิทธิในการได้รับการชดเชยเมื่อได้รับความเสียหาย

หากสินค้าและบริการก่อให้เกิดความเสียหาย ผู้บริโภคสามารถเรียกร้องค่าชดเชยหรือขอเปลี่ยนสินค้าได้ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงการคืนเงิน การซ่อมแซม หรือการเปลี่ยนสินค้าใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

6. สิทธิในการได้รับการศึกษาเกี่ยวกับผู้บริโภค

ผู้บริโภคควรได้รับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนเอง รวมถึงแนวทางการบริโภคที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ เช่น การอ่านฉลากสินค้า การตรวจสอบวันหมดอายุ และการใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำ

7. สิทธิในการมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดี

ผู้บริโภคมีสิทธิใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากมลพิษหรือสารอันตราย โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลให้สินค้าหรือบริการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย

8. สิทธิในการรวมกลุ่มเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค

ผู้บริโภคสามารถรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิหรือปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง เช่น การจัดตั้งสมาคมผู้บริโภคหรือการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ไม่เป็นธรรม

 

กฎหมายผู้บริโภคที่สำคัญในประเทศไทย

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การคุ้มครองผู้บริโภค ในประเทศไทย มีดังนี้

1. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

เป็นกฎหมายหลักที่กำหนดสิทธิของผู้บริโภคและบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมและสามารถร้องเรียนได้เมื่อถูกละเมิดสิทธิ

2. พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545

ควบคุมธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เพื่อป้องกันการหลอกลวงหรือการโฆษณาเกินจริงที่อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด

3. พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522

กำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหาร การติดฉลาก และการโฆษณาอาหาร เพื่อปกป้องสุขภาพของผู้บริโภค

4. พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

ควบคุมการผลิต นำเข้า จำหน่าย และโฆษณายา เพื่อให้มั่นใจว่ายาที่จำหน่ายในประเทศไทยมีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภค

5. พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560

ป้องกันการผูกขาด ลดพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมในตลาด และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม

6. พระราชบัญญัติสินค้าหรือบริการที่เป็นอันตราย พ.ศ. 2551

กำหนดให้สินค้าหรือบริการที่อาจเป็นอันตรายต้องผ่านการตรวจสอบก่อนวางจำหน่าย

7. พระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544

ควบคุมการซื้อขายออนไลน์และธุรกรรมทางดิจิทัล เพื่อป้องกันการหลอกลวงและคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

 

วิธีปกป้องสิทธิผู้บริโภค

ผู้บริโภคสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้โดยการปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

1. ศึกษาข้อมูลสินค้าหรือบริการก่อนซื้อ

- อ่านฉลากสินค้า ตรวจสอบส่วนประกอบ และเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ

- ตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า โดยเฉพาะสินค้าออนไลน์ ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ

2. เลือกซื้อสินค้าจากแหล่งที่มีมาตรฐาน

- ควรซื้อสินค้าจากร้านค้าที่มีมาตรฐาน เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าที่ได้รับการรับรอง หรือมีตราสัญลักษณ์มาตรฐาน

- หลีกเลี่ยงสินค้าปลอมแปลงหรือสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ

3. รักษาหลักฐานการซื้อขาย

- เก็บใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการชำระเงินเพื่อใช้ในการเรียกร้องสิทธิหากเกิดปัญหา

- สำหรับสินค้าราคาสูง ควรขอเอกสารรับประกันสินค้า

4. หลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาหลอกลวง

- อย่าเชื่อโฆษณาที่เกินจริงหรือไม่ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วน เช่น คำโฆษณาว่า "ลดน้ำหนักได้ภายใน 3 วัน" อาจเป็นการโฆษณาเกินจริง

- ตรวจสอบเลขจดแจ้ง อย. และรีวิวจากผู้ใช้จริงก่อนตัดสินใจซื้อ

5. ใช้สิทธิร้องเรียนเมื่อถูกเอาเปรียบ

- หากพบว่าสินค้าหรือบริการไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

- สามารถแจ้งความหรือฟ้องร้องเพื่อขอความเป็นธรรมได้หากได้รับความเสียหาย

6. เข้าร่วมกลุ่มหรือองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค

มีหลายองค์กรที่ช่วยเหลือผู้บริโภค เช่น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หรือสมาคมคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ที่สามารถให้คำปรึกษาและช่วยดำเนินการร้องเรียน

7. ระมัดระวังธุรกรรมออนไลน์

- ควรใช้แพลตฟอร์มที่มีมาตรการคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Shopee, Lazada, หรือแพลตฟอร์มที่มีระบบคืนเงินและรีวิวจากลูกค้า

- หลีกเลี่ยงการโอนเงินโดยตรงไปยังผู้ขายที่ไม่น่าเชื่อถือ

 

สิทธิผู้บริโภค กฎหมายผู้บริโภค และการปกป้องสิทธิ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรรู้เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ การมีความรู้เกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและปกป้องตนเองจากการได้รับสินค้าหรือบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน หากพบปัญหาอย่าลังเลที่จะใช้สิทธิของตนเองเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

 

ข้อมูลอ้างอิง

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

สภาองค์กรของผู้บริโภค

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow