กฎหมายเกี่ยวกับสุขภาพ เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการเดินทาง

กฎหมายสุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ เอกสารเดินทาง และข้อกำหนดของแต่ละประเทศ เมื่อคุณต้องเดินทางไปต่างประเทศ จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะเรื่อง วัคซีน ใบรับรองแพทย์ และประกันสุขภาพ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศปลายทาง

กฎหมายสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางต่างประเทศ

กฎหมายสุขภาพ เป็นข้อกำหนดที่แต่ละประเทศใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทางข้ามพรมแดน นักเดินทางทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายสุขภาพของประเทศปลายทาง รวมถึงเอกสารด้านสุขภาพที่จำเป็น เช่น ใบรับรองแพทย์ ใบรับรองการฉีดวัคซีน และประกันสุขภาพการเดินทาง

WHO International Health Regulations (IHR)

- กำหนดให้บางประเทศต้องมี ใบรับรองการฉีดวัคซีน (International Certificate of Vaccination or Prophylaxis - ICVP) เช่น วัคซีนไข้เหลือง

- ควบคุมมาตรการกักตัวสำหรับโรคติดต่อ เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

กฎหมายสุขภาพของไทย

- พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ควบคุมการเดินทางของบุคคลที่มีโรคติดต่อร้ายแรง

- พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 คุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพของคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ

กฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศที่ควรรู้

1. กฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations - IHR)

กฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) เป็นข้อกำหนดที่จัดทำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อข้ามพรมแดน โดยเน้นมาตรการต่อไปนี้

การควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ

- ประเทศปลายทางมีสิทธิ์กำหนดมาตรการกักตัว หรือห้ามเข้าประเทศในกรณีเกิดโรคระบาดร้ายแรง เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ไข้เลือดออก ฯลฯ

- บางประเทศอาจกำหนดให้ผู้เดินทางต้องมีผลตรวจสุขภาพ RT-PCR หรือ ATK ก่อนเข้าประเทศ

การกำหนดวัคซีนที่จำเป็นก่อนเดินทาง

- บางประเทศต้องการ ใบรับรองการฉีดวัคซีน (International Certificate of Vaccination or Prophylaxis - ICVP)

- ตัวอย่างเช่น วัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever Vaccine) เป็นข้อบังคับสำหรับการเดินทางไปแอฟริกา และอเมริกาใต้

มาตรการป้องกันที่สนามบิน และจุดผ่านแดน

- การตรวจคัดกรองสุขภาพที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

- ข้อกำหนดด้าน เอกสารสุขภาพ และประกันสุขภาพการเดินทาง

2. เอกสารด้านสุขภาพที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง

ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ควรเตรียมเอกสารด้านสุขภาพให้ครบถ้วนเพื่อลดปัญหาการถูกปฏิเสธเข้าประเทศ

2.1 ใบรับรองการฉีดวัคซีน (International Certificate of Vaccination - ICVP)

เป็นเอกสารที่ใช้ยืนยันว่าผู้เดินทางได้รับวัคซีนที่จำเป็นตามกฎหมายสุขภาพของประเทศปลายทาง

ตัวอย่างวัคซีนที่บางประเทศกำหนด ได้แก่

- วัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever Vaccine)  บังคับสำหรับประเทศในแอฟริกา และอเมริกาใต้

- วัคซีนโปลิโอ (Polio Vaccine) บังคับสำหรับบางประเทศในเอเชีย และแอฟริกา

- วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Vaccine) จำเป็นสำหรับผู้เดินทางไปแสวงบุญที่ซาอุดีอาระเบีย

2.2 ใบรับรองแพทย์ (Fit to Fly Certificate)

- จำเป็นสำหรับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการขออนุญาตพกยาเดินทาง

- บางสายการบินอาจกำหนดให้ผู้โดยสารต้องมี Fit to Fly Certificate ก่อนขึ้นเครื่อง

2.3 ประกันสุขภาพการเดินทาง (Travel Health Insurance)

- หลายประเทศกำหนดให้ต้องมี ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลระหว่างเดินทาง

- โดยเฉพาะประเทศใน กลุ่มเชงเก้น (Schengen Visa) ที่ต้องใช้ ประกันสุขภาพการเดินทางที่ครอบคลุมอย่างน้อย 30,000 ยูโร

2.4 เอกสารเกี่ยวกับยา และการพกยาเดินทาง

- หากต้องพกยาประจำตัว ควรมี ใบสั่งแพทย์ และใบรับรองจากแพทย์

- บางประเทศมีกฎหมายเข้มงวดเกี่ยวกับยา เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ควรตรวจสอบกฎระเบียบก่อนพกยาเดินทาง

3. กฎหมายสุขภาพของไทยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง

3.1 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558

- ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ

- กำหนดให้บางกรณีต้องมี การกักตัว หรือมีใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทาง

3.2 พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550

- คุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพของคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ

- กำหนดให้คนไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายสุขภาพของประเทศปลายทาง

3.3 ข้อกำหนดด้านวัคซีนสำหรับผู้เดินทางกลับไทย

คนไทยที่เดินทางกลับจากบางประเทศอาจต้องมี ใบรับรองวัคซีน หรือผลตรวจสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

4. วิธีเตรียมตัวให้ถูกต้องตามกฎหมายสุขภาพก่อนเดินทาง

1. ตรวจสอบข้อกำหนดด้านสุขภาพของประเทศปลายทาง ค้นหาข้อมูลจาก สถานทูต กระทรวงสาธารณสุข หรือเว็บไซต์ WHO

2. ตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนล่วงหน้า ควรฉีดวัคซีนที่จำเป็น อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ก่อนเดินทาง

3. ซื้อประกันสุขภาพการเดินทาง เลือกแผนประกันที่ครอบคลุม ค่ารักษาพยาบาล กักตัว และอุบัติเหตุ

4. เตรียมเอกสารด้านสุขภาพให้ครบถ้วน ควรพกเอกสาร ทั้งในรูปแบบกระดาษและดิจิทัล เพื่อความสะดวก

เอกสารเดินทางที่จำเป็นตามกฎหมายสุขภาพ

ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ คุณควรเตรียมเอกสารเกี่ยวกับสุขภาพให้ครบถ้วนเพื่อลดปัญหาการถูกปฏิเสธเข้าประเทศ

1. ใบรับรองการฉีดวัคซีน (ICVP)

จำเป็นสำหรับบางประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ บราซิล และบางประเทศในอเมริกาใต้ ที่กำหนดให้ผู้เดินทางต้องฉีดวัคซีนไข้เหลือง

2. ใบรับรองแพทย์ (Fit to Fly Certificate)

จำเป็นสำหรับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ ที่ต้องแสดงหลักฐานว่ามีสุขภาพแข็งแรงพอสำหรับการเดินทาง

3. ประกันสุขภาพสำหรับการเดินทางต่างประเทศ

หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป (Schengen Visa) กำหนดให้ต้องมี ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลระหว่างเดินทาง

4. เอกสารเกี่ยวกับยารักษาโรค

หากต้องพกยาประจำตัว ควรมี ใบสั่งแพทย์ และใบรับรองจากแพทย์ เพื่อใช้ยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง

การเตรียมตัวด้านสุขภาพก่อนเดินทางต่างประเทศ

เพื่อให้การเดินทางของคุณปลอดภัย และเป็นไปตามกฎหมายสุขภาพสากล ควรเตรียมตัวตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ตรวจสอบข้อกำหนดด้านสุขภาพของประเทศปลายทาง

ตรวจสอบจาก เว็บไซต์สถานทูต หรือกระทรวงสาธารณสุขของประเทศนั้น ๆ ว่ามีข้อกำหนดด้านวัคซีน หรือเอกสารสุขภาพอะไรบ้าง

2. ฉีดวัคซีนที่จำเป็นก่อนเดินทาง

ตัวอย่างวัคซีนที่บางประเทศกำหนด ได้แก่

- วัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever)

- วัคซีนโปลิโอ (Polio)

- วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal)

3. ซื้อประกันสุขภาพสำหรับการเดินทาง

ควรเลือกแผนประกันที่ครอบคลุม ค่ารักษาพยาบาล ค่ากักตัว และอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง

4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนก่อนออกเดินทาง

แนะนำให้พก สำเนาเอกสารสุขภาพติดตัว และมีเวอร์ชัน ดิจิทัล เผื่อใช้ยื่นผ่านแอปพลิเคชันของสายการบิน หรือหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง

กฎหมายสุขภาพและเอกสารเดินทาง เป็นสิ่งที่นักเดินทางทุกคนต้องให้ความสำคัญ การเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่เรื่อง วัคซีน ใบรับรองแพทย์ และประกันสุขภาพ จะช่วยให้คุณเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างราบรื่น ไม่ติดปัญหาที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

หากต้องการเดินทางไปประเทศที่มีข้อกำหนดด้านสุขภาพที่เข้มงวด เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือบางประเทศในเอเชีย อย่าลืมศึกษากฎหมายและเอกสารที่ต้องใช้ให้ครบถ้วนก่อนออกเดินทาง

ข้อมูลอ้างอิง

กระทรวงการต่างประเทศ