สิทธิของพนักงาน เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรทราบ โดยเฉพาะในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก การรู้กฎหมายแรงงานและข้อกำหนดต่างๆ จะช่วยให้พนักงานได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เป็นกฎหมายหลักที่กำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานของพนักงาน เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ การทำงานล่วงเวลา วันหยุดพักผ่อน และค่าชดเชยเลิกจ้าง ซึ่งพนักงานทุกคนควรรู้เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง
สิทธิพื้นฐานของพนักงาน เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรทราบเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองจากนายจ้างอย่างถูกต้อง กฎหมายแรงงานของไทยกำหนดให้พนักงานมีสิทธิได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม ชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม รวมถึงสวัสดิการต่างๆ เช่น ประกันสังคม วันหยุด และค่าชดเชยเลิกจ้าง บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ สิทธิของพนักงานตามกฎหมายแรงงานไทย อย่างละเอียด เพื่อให้พนักงานทุกคนเข้าใจและสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้
ค่าจ้างขั้นต่ำ:
กฎหมายแรงงานกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างพนักงานไม่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในแต่ละจังหวัด เช่น
-กรุงเทพฯ และปริมณฑล – ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 330 บาทต่อวัน
-จังหวัดอื่นๆ – อัตราค่าแรงขั้นต่ำแตกต่างกันไปตามประกาศของกระทรวงแรงงาน
ณ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568 ประเทศไทยได้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ โดยแบ่งตามพื้นที่ดังนี้:
400 บาทต่อวัน: จังหวัดภูเก็ต, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
380 บาทต่อวัน: อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
372 บาทต่อวัน: กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้แก่ นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, และสมุทรสาคร
อัตราอื่น ๆ: จังหวัดที่เหลือมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยร้อยละ 2 จากอัตราเดิม
การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป
ค่าล่วงเวลา (OT):
หากพนักงานทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้างปกติ
กรณีทำงานในวันหยุด นายจ้างต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อยกว่า 2 เท่าของอัตราค่าจ้างปกติ
เงินโบนัส:
โบนัสไม่ใช่สิทธิที่กฎหมายกำหนด แต่หากนายจ้างมีการให้โบนัสเป็นประจำ ถือเป็นข้อตกลงที่นายจ้างต้องปฏิบัติตาม
ชั่วโมงการทำงานสูงสุด:
ไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
หากเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น งานโรงงาน หรืองานที่มีสารเคมี อาจถูกจำกัดไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และ 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
เวลาพักระหว่างทำงาน:
พนักงานที่ทำงานเกิน 5 ชั่วโมงต้องได้รับเวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
วันหยุดประจำสัปดาห์:
พนักงานต้องได้รับวันหยุด อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์
วันหยุดนักขัตฤกษ์:
นายจ้างต้องให้พนักงานหยุดตามวันหยุดราชการ ไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี
วันลาพักร้อน:
พนักงานที่ทำงานครบ 1 ปีขึ้นไปมีสิทธิ ลาพักร้อนอย่างน้อย 6 วันต่อปี
วันลาป่วย:
พนักงานมีสิทธิ ลาป่วยได้ตามจริง และได้รับค่าจ้างสูงสุด 30 วันต่อปี
วันลาอื่นๆ:
ลาคลอดบุตร – หญิงตั้งครรภ์มีสิทธิ ลาคลอดได้ 98 วัน และนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง 45 วันแรก
ลาทำหมัน – มีสิทธิลาโดยได้รับค่าจ้าง
ลารับราชการทหาร – ได้รับค่าจ้างสูงสุด 60 วัน
ลาร่วมพิธีศพของสมาชิกในครอบครัว – นายจ้างอาจให้ลาโดยไม่หักค่าจ้างขึ้นอยู่กับข้อตกลง
สิทธิในประกันสังคม:
พนักงานที่จ่ายเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 33 มีสิทธิได้รับความคุ้มครองดังนี้:
1. ค่ารักษาพยาบาล – ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งในและนอกโรงพยาบาล
2. เงินชดเชยกรณีว่างงาน – ได้รับเงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง กรณีถูกเลิกจ้าง
3. เงินชราภาพ – สามารถขอรับเงินบำนาญเมื่อเกษียณอายุ
กองทุนเงินทดแทน:
หากพนักงานได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน นายจ้างต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล และจ่ายเงินชดเชยให้พนักงาน
กรณีเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม:
หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานของพนักงาน
ค่าชดเชยตามอายุงาน:
ทำงาน 120 วัน – 1 ปี → ได้รับค่าชดเชย 30 วันของค่าจ้าง
ทำงาน 1 ปี – 3 ปี → ได้รับค่าชดเชย 90 วันของค่าจ้าง
ทำงาน 3 ปี – 6 ปี → ได้รับค่าชดเชย 180 วันของค่าจ้าง
ทำงาน 6 ปี – 10 ปี → ได้รับค่าชดเชย 240 วันของค่าจ้าง
ทำงาน 10 ปีขึ้นไป → ได้รับค่าชดเชย 300 วันของค่าจ้าง
หากถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม พนักงานสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงาน หรือฟ้องศาลแรงงานเพื่อขอค่าชดเชยได้
ศึกษากฎหมายแรงงาน – รู้สิทธิของตนเอง เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ
ตรวจสอบสัญญาจ้างงาน – อ่านรายละเอียดให้รอบคอบก่อนเซ็นสัญญา
หากถูกละเมิดสิทธิ สามารถดำเนินการดังนี้:
1. แจ้งฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เพื่อขอความเป็นธรรม
2. ร้องเรียนกระทรวงแรงงาน ผ่านสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
3. ฟ้องศาลแรงงาน หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายจ้าง
พนักงานต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากต้องทำงานล่วงเวลา (OT) นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เช่น 1.5 เท่าของค่าจ้างปกติ
วันหยุดและวันลา:
วันหยุดประจำสัปดาห์ 1 วันต่อสัปดาห์
วันหยุดนักขัตฤกษ์ตามประกาศของบริษัท
วันลาพักร้อนประจำปีไม่น้อยกว่า 6 วัน หลังจากทำงานครบ 1 ปี
วันลาป่วยได้รับค่าจ้างสูงสุด 30 วันต่อปี
ค่าจ้างขั้นต่ำ: พนักงานต้องได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดในแต่ละจังหวัด
โบนัสพนักงาน: แม้กฎหมายไม่ได้บังคับให้นายจ้างต้องจ่ายโบนัส แต่หากเป็นข้อตกลงหรือมีการจ่ายประจำก็ถือเป็นสิทธิของพนักงาน
สวัสดิการประกันสังคม: ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยกรณีว่างงาน และเงินบำนาญ
การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม: นายจ้างต้องมีเหตุผลอันสมควรในการเลิกจ้าง เช่น การทำผิดวินัยร้ายแรง
ค่าชดเชยเลิกจ้าง:
ทำงาน 120 วันขึ้นไปแต่ไม่ถึง 1 ปี ได้รับค่าชดเชย 30 วัน
ทำงาน 1 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 3 ปี ได้รับค่าชดเชย 90 วัน
ทำงาน 3 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 6 ปี ได้รับค่าชดเชย 180 วัน
หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้าหรือไม่เป็นธรรม พนักงานสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานได้
หากพนักงานถูกละเมิดสิทธิ สามารถดำเนินการดังนี้:
เจรจากับนายจ้าง – หากมีข้อขัดแย้ง ให้เริ่มจากการพูดคุย
ร้องเรียนกระทรวงแรงงาน – ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ฟ้องศาลแรงงาน – หากไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องสิทธิได้
กฎหมายแรงงาน เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับ การจ้างงาน ค่าจ้าง วันทำงาน วันหยุด สวัสดิการ และสิทธิของลูกจ้าง รวมถึงหน้าที่ของนายจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่าย
กฎหมายแรงงาน เป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อ
- คุ้มครองสิทธิของลูกจ้างจากการเอารัดเอาเปรียบ
- กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของการทำงาน
- สร้างความเป็นธรรมในที่ทำงาน
- วางหลักเกณฑ์ที่นายจ้างต้องปฏิบัติตาม
ประเทศไทยมีกฎหมายแรงงานหลายฉบับที่บังคับใช้ โดยมีกฎหมายหลักที่สำคัญ ได้แก่
กำหนดสิทธิและสวัสดิการขั้นต่ำ เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา วันหยุด และการเลิกจ้าง
ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง เช่น การจัดตั้งสหภาพแรงงาน
ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพ เงินทดแทน กองทุนชราภาพ และเงินชดเชยกรณีว่างงาน
กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงาน
กฎหมายแรงงานไทยครอบคลุม แรงงานภาคเอกชน ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น
-ลูกจ้างรายวัน
-ลูกจ้างรายเดือน
-พนักงานประจำ
-พนักงานสัญญาจ้าง
แต่กฎหมายแรงงานไม่ครอบคลุมกลุ่มต่อไปนี้
-ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (มีกฎหมายเฉพาะ)
-แรงงานในครัวเรือนบางประเภท
-แรงงานที่มีข้อตกลงพิเศษกับนายจ้างโดยตรง
ข้อมูลอ้างอิง
กระทรวงแรงงาน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ