นักโภชนาการเป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและให้คำแนะนำด้านโภชนาการแก่บุคคลและชุมชน ผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพนี้ไม่เพียงต้องมีความรู้ทางโภชนาการและวิทยาศาสตร์อาหาร แต่ยังต้องมีทักษะอื่น ๆ ที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ วางแผน และสื่อสารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะสำคัญที่นักโภชนาการควรมี ได้แก่ ความสามารถในการให้คำปรึกษา ทักษะการวิจัย ความเข้าใจด้านจิตวิทยาพฤติกรรมการกิน และความสามารถในการทำงานร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทักษะสำคัญที่ช่วยให้นักโภชนาการประสบความสำเร็จในอาชีพนี้
ในยุคปัจจุบัน ภาษาอังกฤษเป็นทักษะสำคัญที่นักโภชนาการต้องมี เนื่องจากข้อมูลทางการแพทย์และโภชนาการส่วนใหญ่มักจะเป็นภาษาอังกฤษ การเข้าใจและสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี จะช่วยในการศึกษาข้อมูลใหม่ ๆ การสื่อสารกับผู้ป่วยที่พูดภาษาอังกฤษ หรือการทำงานร่วมกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ
การคิดวิเคราะห์เป็นทักษะที่ช่วยให้นักโภชนาการสามารถประเมินสภาพร่างกายและความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ การคิดวิเคราะห์ทำให้สามารถเลือกวิธีการหรือแผนการโภชนาการที่เหมาะสมตามเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย
นักโภชนาการต้องสามารถคำนวณและประเมินความต้องการของสารอาหารในแต่ละวันของผู้ป่วยหรือบุคคล โดยพิจารณาจากอายุ เพศ ระดับกิจกรรมทางกาย รวมถึงภาวะสุขภาพต่าง ๆ เพื่อให้การเสริมโภชนาการเป็นไปอย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการ
การเข้าใจศัพท์ทางการแพทย์เป็นสิ่งจำเป็น เพราะเมื่อนักโภชนาการทำงานในโรงพยาบาลจะต้องรับออเดอร์จากแพทย์ และเข้าใจคำสั่งทางการแพทย์อย่างถูกต้องเพื่อให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในแผนการโภชนาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการทำงาน นักโภชนาการอาจพบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบบางอย่างในการเตรียมอาหาร การคิดและตัดสินใจเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสมมาแทนจึงเป็นทักษะที่สำคัญในการรักษาคุณภาพของโภชนาการ
การฟังเป็นทักษะที่สำคัญในการสื่อสารกับผู้ป่วยหรือทีมแพทย์ เพราะนักโภชนาการต้องฟังข้อมูลจากผู้ป่วยเพื่อเข้าใจปัญหาด้านโภชนาการหรือพฤติกรรมการกิน รวมถึงฟังคำแนะนำจากแพทย์เพื่อให้สามารถออกแบบแผนโภชนาการได้อย่างแม่นยำ
ทักษะด้านจิตวิทยาช่วยให้นักโภชนาการสามารถเข้าใจและช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านพฤติกรรมการกิน หรือผู้ที่ต้องการปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสมต่อสุขภาพ การรู้จักใช้คำถามปลายเปิดและสร้างความเชื่อมั่นจะช่วยให้ผู้ป่วยเปิดใจและร่วมมือในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การพูดกับผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้ทักษะในการถามคำถามปลายเปิด เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยสามารถแสดงออกได้มากขึ้น ทำให้สามารถมองหาจุดบกพร่องในการปรับพฤติกรรมการกินและช่วยให้การปรับแผนโภชนาการมีประสิทธิภาพมากขึ้น