Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การฟ้องร้องแพ่งและอาญา: ความแตกต่างและขั้นตอนตามกฎหมาย

Posted By Kung_nadthanan | 13 ก.พ. 68
288 Views

  Favorite

การฟ้องร้องแพ่งและอาญา เป็นกระบวนการที่สำคัญในระบบกฎหมายไทย หลายคนอาจสงสัยว่า "ความแตกต่างระหว่างคดีแพ่งและอาญาคืออะไร?" และ "ขั้นตอนฟ้องร้องตามกฎหมายเป็นอย่างไร?" บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับ คดีแพ่ง และ คดีอาญา พร้อมอธิบายขั้นตอนการดำเนินคดีอย่างละเอียด

 

คดีแพ่งและคดีอาญาคืออะไร?

ในระบบกฎหมายไทย "คดีแพ่ง" และ "คดีอาญา" เป็นสองประเภทของคดีที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของ วัตถุประสงค์ กระบวนการพิจารณา และ ผลของคดี ดังนั้น การเข้าใจความหมายและความแตกต่างของคดีทั้งสองประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

 

คดีแพ่ง (Civil Case) คืออะไร?

คดีแพ่ง (Civil Case) หมายถึง คดีที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางแพ่งและพาณิชย์ระหว่างบุคคล หรือระหว่างนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ สิทธิ หน้าที่ และผลประโยชน์ทางกฎหมาย โดยไม่มีโทษทางอาญาเข้ามาเกี่ยวข้อง

คดีแพ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องใดบ้าง?

ขั้นตอนฟ้องร้องคดีแพ่ง

เมื่อเกิดข้อพิพาททางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ สิทธิและหน้าที่ทางแพ่ง เช่น หนี้สิน สัญญา การละเมิด หรือมรดก ผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายโดยการ ฟ้องร้องคดีแพ่ง ต่อศาล เพื่อให้ศาลพิจารณาคดีและมีคำพิพากษาให้ได้รับสิทธิที่พึงมีพึงได้

การดำเนินคดีแพ่ง มีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนยื่นฟ้อง ไปจนถึงการบังคับคดีให้คู่กรณีปฏิบัติตามคำพิพากษา บทความนี้จะอธิบาย ขั้นตอนการฟ้องร้องคดีแพ่งอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ที่ต้องการดำเนินคดีสามารถเข้าใจและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

1. การเตรียมตัวก่อนยื่นฟ้อง

ก่อนยื่นฟ้องคดีแพ่ง ผู้ฟ้องต้องมีการเตรียมตัว ดังนี้

1.1 ศึกษาความเป็นไปได้ของคดี

-ตรวจสอบว่า คดีมีมูลหรือไม่ เช่น มีหลักฐานเพียงพอหรือไม่

-ตรวจสอบว่า คดีหมดอายุความหรือยัง (แต่ละคดีมีอายุความแตกต่างกัน)

 

1.2 รวบรวมหลักฐานและพยาน

หลักฐานที่ใช้ในคดีแพ่งอาจประกอบด้วย

-เอกสารทางกฎหมาย เช่น สัญญาเช่าซื้อ สัญญากู้ยืม หนังสือมอบอำนาจ

-หลักฐานการเงิน เช่น ใบเสร็จรับเงิน บัญชีธนาคาร

-พยานบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับคดี

 

1.3 ปรึกษาทนายความ (ถ้าจำเป็น)

ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องมีทนายช่วยเหลือเพื่อให้ดำเนินคดีได้อย่างถูกต้อง

 

2. การยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อศาล

2.1 การเขียนคำฟ้อง

คำฟ้องต้องประกอบด้วย

-ข้อมูลของโจทก์ (ผู้ฟ้อง) และจำเลย (ผู้ถูกฟ้อง)

-รายละเอียดของข้อพิพาท และเหตุผลที่ฟ้อง

-ข้อเรียกร้อง เช่น ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย

 

2.2 ยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจ

-ยื่นฟ้องที่ ศาลแพ่ง หรือ ศาลจังหวัด ขึ้นอยู่กับประเภทของคดี

-จ่ายค่าธรรมเนียมศาล (ปกติคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากจำนวนเงินที่เรียกร้อง)

3. กระบวนการพิจารณาคดีแพ่งในศาล

3.1 การไต่สวนมูลฟ้อง

ศาลตรวจสอบว่าคดีมีมูลหรือไม่  หากคดีไม่มีมูล ศาลอาจยกฟ้อง ได้

 

3.2 การนัดไกล่เกลี่ย

ก่อนสืบพยาน ศาลอาจเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย  ถ้าตกลงกันได้ คดีจะจบโดยไม่ต้องพิจารณาในศาล

 

3.3 การสืบพยาน

ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยนำเสนอพยานหลักฐาน ศาลสอบถามและพิจารณาพยานแต่ละฝ่าย

 

4. คำพิพากษาและการบังคับคดี

4.1 ศาลมีคำพิพากษา

-หากโจทก์ชนะคดี ศาลอาจสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา

-หากโจทก์แพ้คดี อาจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงกว่า

 

4.2 การบังคับคดี

-ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์สามารถยื่นขอ บังคับคดี ได้

-การบังคับคดีอาจเป็นการ ยึดทรัพย์ อายัดเงินเดือน หรือขับไล่

 

ผลของคดีแพ่ง

เมื่อศาลมีคำพิพากษา คำสั่งของศาลมักเป็นไปในลักษณะให้ คู่กรณีปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ของตน เช่น
-ชดใช้ค่าเสียหายให้ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ
-คืนทรัพย์สินให้เจ้าของเดิม
-ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา เช่น ส่งมอบสินค้า หรือจ่ายค่าจ้าง

 

คดีอาญา (Criminal Case) คืออะไร?

คดีอาญา (Criminal Case) หมายถึง คดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม และมีโทษทางกฎหมาย เช่น โทษจำคุก ปรับ หรือแม้กระทั่งโทษประหารชีวิต

คดีอาญาเกี่ยวข้องกับเรื่องใดบ้าง?

 

ขั้นตอนฟ้องร้องคดีอาญา

การฟ้องร้องคดีอาญา เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับความผิดที่กระทบต่อ กฎหมายอาญา เช่น การฉ้อโกง การทำร้ายร่างกาย การลักทรัพย์ หรือคดีฆาตกรรม คดีเหล่านี้เกี่ยวข้องกับ ความผิดที่กระทบต่อสังคมโดยรวม และมักมีโทษรุนแรง เช่น จำคุก ปรับ หรือโทษประหารชีวิต

การดำเนินการ ขั้นตอนการฟ้องร้องคดีอาญาอย่างละเอียด ตั้งแต่การแจ้งความ ไปจนถึงการบังคับโทษ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจกระบวนการยุติธรรมได้อย่างถูกต้อง

1. การแจ้งความร้องทุกข์

1.1 แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

-ผู้เสียหายหรือผู้พบเห็นเหตุการณ์สามารถ แจ้งความที่สถานีตำรวจ ที่มีเขตอำนาจ

-คดีอาญาบางประเภทเป็น คดีที่ต้องร้องทุกข์ก่อน (เช่น หมิ่นประมาท, ยักยอกทรัพย์) ซึ่งหมายความว่าถ้าไม่มีการแจ้งความ คดีจะไม่ดำเนินการต่อ

 

1.2 การสอบปากคำผู้แจ้งความ

-ตำรวจจะสอบปากคำผู้แจ้งความเพื่อบันทึกข้อเท็จจริง

-เจ้าหน้าที่อาจเรียก พยานหลักฐาน เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด หรือพยานบุคคล

 

2. การสืบสวนสอบสวนของตำรวจ

2.1 การสอบสวนผู้ต้องหาและพยาน

-ตำรวจจะเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ

-อาจมีการ ออกหมายเรียกหรือหมายจับ หากพบว่าผู้ต้องสงสัยมีพฤติกรรมหลบหนี

 

2.2 การรวบรวมหลักฐาน

-ตำรวจอาจ ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ หรือ ส่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

-ถ้าคดีมีมูล ตำรวจจะส่งสำนวนไปยังอัยการเพื่อพิจารณา

 

3. การดำเนินคดีโดยอัยการ

3.1 การพิจารณาสำนวนคดีของอัยการ

อัยการตรวจสอบสำนวนที่ตำรวจส่งมา และพิจารณาว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่ ถ้าหลักฐานไม่เพียงพอ อัยการอาจสั่งไม่ฟ้อง

 

3.2 การยื่นฟ้องต่อศาลอาญา

ถ้าอัยการเห็นว่าคดีมีมูล จะยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา  คดีอาญาบางประเภทสามารถ ฟ้องร้องโดยตรงต่อศาลได้ (เช่น คดีหมิ่นประมาท)

 

4. การพิจารณาคดีในศาลอาญา

4.1 การไต่สวนมูลฟ้อง

สำหรับ คดีอาญาที่เอกชนเป็นโจทก์ฟ้องเอง ศาลต้องไต่สวนก่อนว่าคดีมีมูลหรือไม่

 

4.2 การสืบพยานและพิจารณาคดี

-ศาลพิจารณาพยานหลักฐานจากทั้งฝ่ายโจทก์ (อัยการ) และฝ่ายจำเลย

-หากจำเลยรับสารภาพ ศาลอาจลดโทษให้ตามกฎหมาย

 

4.3 การตัดสินคดี

-ศาลจะตัดสินว่าจำเลยมีความผิดหรือไม่

-หากมีความผิด ศาลจะกำหนด บทลงโทษ เช่น จำคุก ปรับ หรือรอลงอาญา

 

5. การอุทธรณ์และฎีกา (ถ้ามี)

5.1 การอุทธรณ์คำพิพากษา จำเลยหรืออัยการสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อ ศาลอุทธรณ์ ได้ภายใน 30 วัน

5.2 การฎีกาไปยังศาลฎีกา  หากยังไม่พอใจกับคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ คู่กรณีสามารถยื่นฎีกาต่อ ศาลฎีกา ได้

 

6. การบังคับโทษตามคำพิพากษา

6.1 การลงโทษจำคุก  ถ้าศาลตัดสินให้จำคุก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวจำเลยไปคุมขังทันที

6.2 การรอลงอาญา  ถ้าจำเลยได้รับ โทษรอลงอาญา ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล

6.3 การบังคับใช้ค่าปรับ  ถ้าศาลสั่งให้จำเลยจ่ายค่าปรับ และจำเลยไม่มีเงิน อาจต้องถูกจำคุกแทนค่าปรับ

 

ผลของคดีอาญา

เมื่อศาลมีคำพิพากษา คำตัดสินในคดีอาญามักมีลักษณะลงโทษผู้กระทำผิด เช่น
-จำคุก หรือรอลงอาญา
-ปรับเงินตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
-คุมประพฤติ หรือทำงานบริการสังคม
-โทษประหารชีวิตในกรณีคดีอาญาร้ายแรง

 

ความแตกต่างระหว่างการฟ้องร้องแพ่งและอาญา

 

คำแนะนำก่อนฟ้องร้องคดีแพ่งและอาญา

-ตรวจสอบว่าคดีที่ต้องการฟ้องเป็นคดีแพ่งหรืออาญา
-เตรียมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญา พยาน หรือเอกสารสำคัญ
-คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เช่น ค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนาย
-พิจารณาการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายและเวลา

 

การฟ้องร้องแพ่งและอาญา มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งวัตถุประสงค์ ขั้นตอน และผลของคดี ผู้ที่ต้องการดำเนินคดีควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย

 

ข้อมูลอ้างอิง

สำนักงานอัยการสูงสุด

สำนักงานกิจการยุติธรรม

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow