การเตรียมงบการเงิน และแสดงผลการดำเนินงานของบริษัท เป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไป (GAAP) หรือมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS) สำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะการจัดทำงบการเงินย้อนหลังตามระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด (เช่น 3-5 ปี) เพื่อแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่องและความเสี่ยงในการดำเนินงาน การเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสและครบถ้วนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคต
การเตรียมงบการเงินของบริษัทต้องดำเนินการตามมาตรฐานการบัญชีที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ การจัดทำงบการเงินย้อนหลังเป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยจะต้องมีข้อมูลที่สะท้อนถึงภาพรวมทางการเงินของบริษัท ได้แก่ งบการเงินหลัก เช่น งบแสดงฐานะทางการเงิน (Balance Sheet) งบกำไรขาดทุน (Income Statement) และงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไร และการบริหารจัดการกระแสเงินสดของบริษัท
การเตรียมงบการเงิน และการแสดงผลการดำเนินงาน จึงเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจ การจัดทำงบการเงินที่มีความโปร่งใส และการแสดงผลการดำเนินงานที่ถูกต้อง ช่วยให้ผู้บริหาร นักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยให้บริษัทสามารถสื่อสารภาพรวมทางการเงินของธุรกิจได้อย่างชัดเจน
การเตรียมงบการเงินมีขั้นตอนสำคัญดังนี้
1.1 การจัดทำงบแสดงฐานะทางการเงิน (Balance Sheet)
งบแสดงฐานะทางการเงินแสดงรายละเอียดของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นในบริษัท ณ วันหนึ่งๆ โดยประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก
- สินทรัพย์ (Assets) แบ่งออกเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
- หนี้สิน (Liabilities) แบ่งเป็นหนี้สินระยะสั้นและหนี้สินระยะยาว
- ส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholders' Equity) แสดงถึงการลงทุนของเจ้าของและผลกำไรสะสมที่ยังไม่จ่ายปันผล
1.2 การจัดทำงบกำไรขาดทุน (Income Statement)
งบกำไรขาดทุนแสดงถึงรายได้และค่าใช้จ่ายของบริษัทในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ โดยมีส่วนประกอบหลักดังนี้
- รายได้ (Revenue) รายได้จากการขายสินค้า หรือให้บริการ
- ค่าใช้จ่าย (Expenses) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เช่น ค่าเช่า, ค่าจ้าง, ค่าวัสดุ
- กำไร (Profit) ความแตกต่างระหว่างรายได้และค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถแบ่งเป็น กำไรสุทธิ หรือ ขาดทุนสุทธิ
1.3 การจัดทำงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)
งบกระแสเงินสดแสดงถึงการไหลเข้าหรือออกของเงินสดจากกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท ได้แก่
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน แสดงถึงการไหลของเงินสดจากการขายสินค้าและบริการ
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน แสดงถึงการลงทุนในสินทรัพย์หรือการขายสินทรัพย์
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน แสดงถึงการเพิ่มทุนหรือการกู้ยืม
1.4 การจัดทำงบการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น (Statement of Changes in Equity)
แสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นจากการออกหุ้นใหม่ การจ่ายปันผล หรือผลกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ๆ
การแสดงผลการดำเนินงานของบริษัทช่วยให้ผู้บริหารและนักลงทุนสามารถวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทได้ชัดเจนขึ้น โดยมีวิธีการดังนี้
2.1 การใช้ตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial Ratios)
การใช้ตัวชี้วัดทางการเงินเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงผลการดำเนินงาน ตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของสุขภาพทางการเงินของบริษัท เช่น:
- อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) วัดความสามารถในการทำกำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Assets, ROA) วัดความสามารถในการใช้สินทรัพย์ในการสร้างกำไร
- อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity, ROE) วัดความสามารถในการสร้างกำไรจากการลงทุนของผู้ถือหุ้น
2.2 การจัดทำรายงานการเงินที่เข้าใจง่าย (Financial Reporting)
การทำรายงานที่สะท้อนถึงการดำเนินงานของบริษัท ควรมีความชัดเจนและเข้าใจง่าย สามารถแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตได้ชัดเจน เช่น
- การเปรียบเทียบการดำเนินงาน การเปรียบเทียบระหว่างปีหรือระหว่างไตรมาส
- การใช้กราฟ การใช้กราฟหรือแผนภูมิในการแสดงข้อมูลจะทำให้การตีความข้อมูลง่ายขึ้น
การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่โปร่งใสและครบถ้วนเป็นการช่วยให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงการเตรียมการสำหรับการตรวจสอบบัญชี
- เปิดเผยข้อมูลสำคัญ ควรเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ เช่น ข้อสงสัยเกี่ยวกับหนี้สิน หรือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือมาตรฐานบัญชี
- การปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี การปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่ยอมรับในระดับสากล เช่น IFRS หรือ GAAP จะช่วยให้การจัดทำงบการเงินมีความน่าเชื่อถือ
การเตรียมงบการเงิน และการแสดงผลการดำเนินงาน ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริหารและนักลงทุนประเมินสถานะทางการเงินของบริษัทได้ แต่ยังช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อให้บริษัทสามารถ
- เพิ่มความสามารถในการทำกำไร การวิเคราะห์งบการเงินช่วยให้สามารถตัดสินใจปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อเพิ่มผลกำไร
- ลดความเสี่ยง การเข้าใจงบการเงินและผลการดำเนินงานช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด
- วางแผนการเติบโต การแสดงผลการดำเนินงานที่น่าพอใจจะช่วยดึงดูดนักลงทุนและการเติบโตในอนาคต
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะต้องเตรียมงบการเงินย้อนหลังตามระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปมักจะเป็น 3-5 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวโน้ม และความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแสดงถึงโอกาสในการเติบโตในอนาคต ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง
การแสดงผลการดำเนินงาน ต้องสามารถถ่ายทอดข้อมูลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทอย่างชัดเจน และทำให้ผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียสามารถประเมินความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่องได้อย่างแม่นยำ การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratios) การวิเคราะห์กำไรสุทธิ (Net Profit Margin) และการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) สามารถช่วยให้ผู้ลงทุนเห็นถึงแนวทางการเติบโตในอนาคตและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การวิเคราะห์ผล เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการประเมินความสำเร็จของธุรกิจ การวิเคราะห์ผลการดำเนินงานช่วยให้ผู้บริหาร นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจถึงภาพรวมของการทำงาน และช่วยให้การตัดสินใจทางธุรกิจมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การแสดงผลการดำเนินงานควรมีความชัดเจนในการแสดงถึงผลการทำงาน และทิศทางในการเติบโตของบริษัท
การวิเคราะห์ผลการดำเนินงานเป็นการประเมินว่าองค์กรหรือบริษัทได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ ผ่านการศึกษาและแปลความหมายของข้อมูลทางการเงินและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้:
1.1 การใช้ตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial Ratios)
การใช้ ตัวชี้วัดทางการเงิน เป็นวิธีที่นิยมในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัท ตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของการทำงานและความสามารถในการสร้างผลกำไรและเติบโตของธุรกิจ โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้
- อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) วัดความสามารถในการทำกำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากรายได้
- อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Assets : ROA) วัดความสามารถในการใช้สินทรัพย์ของบริษัทในการสร้างกำไร
- อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) วัดการสร้างกำไรจากการลงทุนของผู้ถือหุ้น
1.2 การเปรียบเทียบงบการเงิน
การเปรียบเทียบงบการเงินระหว่างช่วงเวลาต่าง ๆ (เช่น ระหว่างปี ไตรมาส หรือระหว่างปีงบประมาณ) ช่วยให้เห็นแนวโน้มและพฤติกรรมของการดำเนินงาน
1.3 การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)
การวิเคราะห์แนวโน้มของข้อมูลทางการเงินเป็นวิธีที่ช่วยให้มองเห็นทิศทางในระยะยาว โดยจะศึกษาข้อมูลย้อนหลัง เช่น การเปลี่ยนแปลงของรายได้ กำไร หนี้สิน และสินทรัพย์ในช่วงหลายปีเพื่อทำนายอนาคต และปรับกลยุทธ์ของบริษัทตามข้อมูลเหล่านั้น
1.4 การวิเคราะห์ตามอุตสาหกรรม (Industry Analysis)
การเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของบริษัทกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันสามารถช่วยให้เข้าใจสถานะการแข่งขันและหาจุดที่บริษัทอาจต้องปรับปรุงหรือมีโอกาสเติบโต
การแสดงผลการดำเนินงานของบริษัทจะช่วยให้ผู้บริหาร นักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าใจถึงสถานะทางการเงิน และความสามารถในการเติบโตของบริษัทได้ดีขึ้น โดยสามารถใช้วิธีการต่อไปนี้
2.1 การนำเสนอข้อมูลที่เข้าใจง่าย
การใช้กราฟ แผนภูมิ และตารางในการนำเสนอข้อมูลทางการเงินช่วยให้ผลการดำเนินงานเป็นที่เข้าใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับข้อมูลทางการเงิน
2.2 การใช้ KPI (Key Performance Indicators)
การใช้ตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPIs) เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจ ตัวชี้วัดเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมการทำงานขององค์กร
2.3 การเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส
การเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแสดงผลการดำเนินงานอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานแล้ว บริษัทสามารถวางแนวทางการเติบโตในอนาคตได้จากข้อมูลที่ได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น
- การขยายตลาด การเพิ่มตลาดใหม่ในประเทศหรือในต่างประเทศ
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การลงทุนใน R&D เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้
- การปรับปรุงกระบวนการ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น การใช้ระบบ ERP หรือการทำอัตโนมัติในการผลิต
- การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเงิน การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์
การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่โปร่งใสและครบถ้วน เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุน โดยข้อมูลที่เปิดเผยจะต้องสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แท้จริงของบริษัท รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ การเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน สามารถช่วยให้บริษัทสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดหลักทรัพย์
ข้อมูลอ้างอิง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย