Easy E Receipt เป็นระบบใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการลดหย่อนภาษีปี 2025 สำหรับผู้บริโภคและร้านค้าที่ต้องการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้การตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีและการยื่นภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น การเลือกร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt จึงเป็นกุญแจสำคัญในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่
ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt คือร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่นำระบบการออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) มาใช้ในการจัดการธุรกรรมการซื้อขายสินค้าและบริการ ใบเสร็จเหล่านี้ออกในรูปแบบดิจิทัลแทนการใช้กระดาษ โดยระบบ Easy E Receipt จะช่วยให้การจัดเก็บและส่งมอบใบเสร็จเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และสอดคล้องกับข้อกำหนดของกรมสรรพากร
ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt มีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้:
1. ระบบออกใบเสร็จดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน ร้านค้าจะใช้ระบบที่สามารถออกใบเสร็จซึ่งมีข้อมูลครบถ้วนตามข้อกำหนดของกฎหมาย เช่น ชื่อร้านค้า หมายเลขผู้เสียภาษี รายการสินค้า/บริการ จำนวนเงิน และ QR Code
2. รองรับการลดหย่อนภาษี ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยร้านค้าเหล่านี้สามารถนำไปใช้ยื่นภาษีหรือขอลดหย่อนภาษีได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาในการจัดการเอกสารเพิ่มเติม
3. เชื่อมต่อกับระบบกรมสรรพากร ร้านค้าต้องผ่านการรับรองจากกรมสรรพากรเพื่อให้สามารถออกใบเสร็จในรูปแบบดิจิทัลที่ใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
-ร้านค้าปลีกและค้าส่ง: เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ
-ร้านอาหารและคาเฟ่: ร้านอาหารทั่วไปและคาเฟ่ที่จดทะเบียนธุรกิจ
-ธุรกิจบริการ: เช่น โรงแรม, ฟิตเนส, หรือธุรกิจซ่อมแซม
-ร้านค้าออนไลน์: ร้านค้าที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
-สถานพยาบาล: คลินิกและร้านขายยาที่ได้รับการจดทะเบียน
1. สะดวกและประหยัดเวลา ไม่ต้องเก็บใบเสร็จในรูปแบบกระดาษหรือกังวลว่าจะสูญหาย ใบเสร็จดิจิทัลจะถูกส่งถึงคุณทางอีเมลหรือระบบออนไลน์
2. ใช้ลดหย่อนภาษีได้ทันที ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt สามารถใช้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นภาษีและลดหย่อนภาษีดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง
3. ลดการใช้ทรัพยากร การเปลี่ยนไปใช้ใบเสร็จดิจิทัลช่วยลดการใช้กระดาษและส่งเสริมความยั่งยืน
4. เพิ่มความโปร่งใสในธุรกรรม การใช้ระบบดิจิทัลช่วยให้การบันทึกข้อมูลและการออกใบเสร็จเป็นไปอย่างถูกต้อง ชัดเจน และตรวจสอบได้
5. ลดความผิดพลาด ข้อมูลในใบเสร็จมีความถูกต้องตามมาตรฐานที่กรมสรรพากรกำหนด
6. ส่งเสริมธุรกิจยุคดิจิทัล ร้านค้าที่ใช้ระบบนี้ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า และตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคดิจิทัล
การตรวจสอบว่าร้านค้ารองรับ Easy E Receipt หรือไม่ สามารถทำได้ดังนี้:
1. สอบถามโดยตรงกับร้านค้า: ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt มักมีป้ายหรือข้อความแจ้งให้ทราบ
2. ตรวจสอบใบเสร็จ: ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์จะมีข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ชื่อร้านค้า หมายเลขผู้เสียภาษี และ QR Code
3. ค้นหาผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร: กรมสรรพากรมีรายชื่อร้านค้าที่รองรับระบบนี้
4. ป้ายหรือสัญลักษณ์ Easy E Receipt บริเวณหน้าร้านหรือในเว็บไซต์
5. ประกาศบนช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของร้านค้า
6. รองรับการออกใบกำกับภาษีแบบดิจิทัล ที่สามารถดาวน์โหลดหรือส่งทางอีเมล
1. เก็บใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์: ดาวน์โหลดใบเสร็จจากร้านค้าและตรวจสอบความถูกต้อง
2. นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ e-Filing: ใช้ใบเสร็จที่ได้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี
3. ตรวจสอบสิทธิประโยชน์: ร้านค้าบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ใช้ Easy E Receipt
เพื่อความสะดวกของผู้บริโภคในการใช้ Easy E Receipt สำหรับการลดหย่อนภาษีดิจิทัลปี 2025 ต่อไปนี้คือรายชื่อและประเภทของร้านค้าที่รองรับระบบนี้ พร้อมรายละเอียดสินค้าและบริการที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ได้ยกตัวอย่างร้านค้าจะแบ่งออกตามประเภทสินค้า ประเภทละ 10 รายชื่อ ดังต่อไปนี้
สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) หมายถึง สินค้าที่ถูกผลิตและจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน แบ่งออกได้เป็น สินค้าอุปโภค (ใช้สอย) และ สินค้าบริโภค (บริโภคหรือกินได้) สินค้าในหมวดนี้ครอบคลุมหลากหลายประเภท เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ส่วนตัว และของใช้ในครัวเรือน เป็นต้น
ตัวอย่างร้านค้า:
สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ (Fashion and Lifestyle Products) หมายถึง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแต่งกายและการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงตัวตน ความสนใจ และรสนิยมของผู้บริโภค สินค้าในหมวดนี้ไม่เพียงตอบสนองความต้องการพื้นฐาน แต่ยังเสริมสร้างเอกลักษณ์และความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน
ตัวอย่างร้านค้า:
ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage Establishments) คือ สถานที่ที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ลูกค้า ซึ่งมีตั้งแต่ร้านอาหารขนาดใหญ่ ร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านขนม ไปจนถึงรถเข็นขายอาหาร ร้านอาหารและเครื่องดื่มถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในวิถีชีวิตของคนทุกยุคสมัย
ตัวอย่างร้านค้า:
สุขภาพและความงาม (Health and Beauty) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแนวทางที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง รวมถึงการดูแลรูปลักษณ์ภายนอก เช่น ผิวพรรณ เส้นผม และรูปร่าง เพื่อสร้างความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพ
ตัวอย่างองค์ประกอบหลักในหมวดสุขภาพและความงาม
1. การดูแลสุขภาพ เช่น อาหารเสริม การออกกำลังกาย การตรวจสุขภาพ
2. การดูแลความงาม เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การแต่งหน้า การทำศัลยกรรม
ตัวอย่างร้านค้า:
บริการออนไลน์และดิจิทัล (Online and Digital Services) หมายถึง บริการที่สามารถเข้าถึงและใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตหรือระบบดิจิทัล ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการทำธุรกิจ หรือการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องออกจากบ้านหรือสถานที่ทำงาน ตัวอย่างของบริการเหล่านี้รวมถึงการให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การศึกษาออนไลน์ การช็อปปิ้งออนไลน์ การบริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน หรือแม้กระทั่งการใช้บริการทางสุขภาพผ่านทางออนไลน์
ตัวอย่างร้านค้า:
สินค้าไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการออกแบบและการใช้งาน ซึ่งประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีฟังก์ชันการทำงานเกี่ยวข้องกับการคำนวณ การสื่อสาร การเก็บข้อมูล และการประมวลผล รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน ตัวอย่างสินค้าเหล่านี้มีตั้งแต่คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ทีวี สมาร์ตโฟน ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมที่ใช้ร่วมกับเครื่องมือไอที
ตัวอย่างร้านค้า:
การศึกษาและสื่อ หมายถึง กิจกรรมและเครื่องมือที่ใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ การเข้าถึงข้อมูล และการพัฒนาความรู้ในสังคม โดยการศึกษาเป็นกระบวนการที่ให้ความรู้และทักษะต่างๆ แก่บุคคลเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินชีวิตและการทำงาน ในขณะที่สื่อหมายถึงเครื่องมือหรือช่องทางที่ช่วยในการกระจายข้อมูลหรือเนื้อหาที่เกี่ยวกับการศึกษา รวมถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างร้านค้า:
OTOP (One Tambon One Product) คือ โครงการที่ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสินค้าท้องถิ่นของแต่ละตำบลในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบจากท้องถิ่นในการผลิตสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีศักยภาพ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในระดับชุมชน ส่งเสริมการสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น รวมถึงเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับสินค้าท้องถิ่น
โครงการนี้เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2544 ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลไทย โดยเน้นการส่งเสริมให้แต่ละตำบลมีผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับการพัฒนาจากความรู้หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาให้สินค้าเหล่านี้มีคุณภาพที่สามารถแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศได้
ตัวอย่างร้านค้า:
วิสาหกิจชุมชน และ วิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นองค์กรหรือหน่วยงานที่มีการจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกในชุมชน โดยไม่เน้นผลกำไรสูงสุด แต่มีเป้าหมายหลักคือ การสร้างประโยชน์ให้กับสมาชิกในชุมชนและสังคมโดยรวม ผ่านการจัดการทรัพยากรและกิจกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในพื้นที่ต่างๆ
วิสาหกิจชุมชน
วิสาหกิจชุมชนคือกิจการที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของสมาชิกในชุมชน ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นในการผลิตหรือให้บริการ เพื่อเสริมสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน แต่ไม่เน้นการหากำไรสูงสุดเหมือนธุรกิจทั่วไป โดยสินค้าหรือบริการที่เกิดจากวิสาหกิจชุมชนจะมีการส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
วิสาหกิจเพื่อสังคม
วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เป็นองค์กรหรือกิจการที่ใช้รูปแบบธุรกิจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมโดยตรง โดยมุ่งเน้นการให้บริการหรือผลิตสินค้าเพื่อแก้ปัญหาสังคม เช่น การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือการสนับสนุนการศึกษาและสุขภาพของชุมชน
การดำเนินงานของวิสาหกิจเพื่อสังคมจะมีการบริหารจัดการในลักษณะของธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ แต่รายได้ที่ได้มาจะถูกนำกลับมาลงทุนหรือสนับสนุนกิจกรรมที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างร้านค้า:
หมายเหตุ: สอบถามและตรวจสอบกับร้านค้าที่คุณใช้บริการเข้าร่วมโครงการ Easy E Receipt หรือไม่ และสามารถหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเพิ่มเติมเสมอเพื่อสามารถใช้สิทธิการลดหย่อนภาษีอย่างเต็มที่ เช่น เว็บไซต์ กรมสรรพากร https://www.rd.go.th/272.html
ข้อมูลอ้างอิง
กรมสรรพากร