Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

รวมร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt 2.0 ปี 2025: ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ทันที

Posted By Kung_nadthanan | 22 ม.ค. 68
302 Views

  Favorite

 

Easy E Receipt เป็นระบบใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการลดหย่อนภาษีปี 2025 สำหรับผู้บริโภคและร้านค้าที่ต้องการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้การตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีและการยื่นภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น การเลือกร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt จึงเป็นกุญแจสำคัญในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่

ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt คืออะไร?

ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt คือร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่นำระบบการออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) มาใช้ในการจัดการธุรกรรมการซื้อขายสินค้าและบริการ ใบเสร็จเหล่านี้ออกในรูปแบบดิจิทัลแทนการใช้กระดาษ โดยระบบ Easy E Receipt จะช่วยให้การจัดเก็บและส่งมอบใบเสร็จเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และสอดคล้องกับข้อกำหนดของกรมสรรพากร

ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt มีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้:

1. ระบบออกใบเสร็จดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน ร้านค้าจะใช้ระบบที่สามารถออกใบเสร็จซึ่งมีข้อมูลครบถ้วนตามข้อกำหนดของกฎหมาย เช่น ชื่อร้านค้า หมายเลขผู้เสียภาษี รายการสินค้า/บริการ จำนวนเงิน และ QR Code

2. รองรับการลดหย่อนภาษี ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยร้านค้าเหล่านี้สามารถนำไปใช้ยื่นภาษีหรือขอลดหย่อนภาษีได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาในการจัดการเอกสารเพิ่มเติม

3. เชื่อมต่อกับระบบกรมสรรพากร ร้านค้าต้องผ่านการรับรองจากกรมสรรพากรเพื่อให้สามารถออกใบเสร็จในรูปแบบดิจิทัลที่ใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

ประเภทของร้านค้าที่มักรองรับ Easy E Receipt

-ร้านค้าปลีกและค้าส่ง: เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ

-ร้านอาหารและคาเฟ่: ร้านอาหารทั่วไปและคาเฟ่ที่จดทะเบียนธุรกิจ

-ธุรกิจบริการ: เช่น โรงแรม, ฟิตเนส, หรือธุรกิจซ่อมแซม

-ร้านค้าออนไลน์: ร้านค้าที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

-สถานพยาบาล: คลินิกและร้านขายยาที่ได้รับการจดทะเบียน

 

ข้อดีของการใช้บริการจากร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt

1. สะดวกและประหยัดเวลา  ไม่ต้องเก็บใบเสร็จในรูปแบบกระดาษหรือกังวลว่าจะสูญหาย ใบเสร็จดิจิทัลจะถูกส่งถึงคุณทางอีเมลหรือระบบออนไลน์

2. ใช้ลดหย่อนภาษีได้ทันที  ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt สามารถใช้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นภาษีและลดหย่อนภาษีดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง

3. ลดการใช้ทรัพยากร  การเปลี่ยนไปใช้ใบเสร็จดิจิทัลช่วยลดการใช้กระดาษและส่งเสริมความยั่งยืน

4. เพิ่มความโปร่งใสในธุรกรรม  การใช้ระบบดิจิทัลช่วยให้การบันทึกข้อมูลและการออกใบเสร็จเป็นไปอย่างถูกต้อง ชัดเจน และตรวจสอบได้

5. ลดความผิดพลาด  ข้อมูลในใบเสร็จมีความถูกต้องตามมาตรฐานที่กรมสรรพากรกำหนด

6. ส่งเสริมธุรกิจยุคดิจิทัล  ร้านค้าที่ใช้ระบบนี้ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า และตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคดิจิทัล

 

วิธีการตรวจสอบร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt

การตรวจสอบว่าร้านค้ารองรับ Easy E Receipt หรือไม่ สามารถทำได้ดังนี้:

1. สอบถามโดยตรงกับร้านค้า: ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt มักมีป้ายหรือข้อความแจ้งให้ทราบ

2. ตรวจสอบใบเสร็จ: ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์จะมีข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ชื่อร้านค้า หมายเลขผู้เสียภาษี และ QR Code

3. ค้นหาผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร: กรมสรรพากรมีรายชื่อร้านค้าที่รองรับระบบนี้

4. ป้ายหรือสัญลักษณ์ Easy E Receipt บริเวณหน้าร้านหรือในเว็บไซต์

5. ประกาศบนช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของร้านค้า

6. รองรับการออกใบกำกับภาษีแบบดิจิทัล ที่สามารถดาวน์โหลดหรือส่งทางอีเมล

 

ใช้ Easy E Receipt เพื่อสิทธิลดหย่อนภาษี 2025 อย่างไร?

1. เก็บใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์: ดาวน์โหลดใบเสร็จจากร้านค้าและตรวจสอบความถูกต้อง

2. นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ e-Filing: ใช้ใบเสร็จที่ได้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี

3. ตรวจสอบสิทธิประโยชน์: ร้านค้าบางแห่งอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ใช้ Easy E Receipt

 

ตัวอย่างร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt ในปี 2025

เพื่อความสะดวกของผู้บริโภคในการใช้ Easy E Receipt สำหรับการลดหย่อนภาษีดิจิทัลปี 2025 ต่อไปนี้คือรายชื่อและประเภทของร้านค้าที่รองรับระบบนี้ พร้อมรายละเอียดสินค้าและบริการที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี  ได้ยกตัวอย่างร้านค้าจะแบ่งออกตามประเภทสินค้า ประเภทละ 10 รายชื่อ ดังต่อไปนี้

1. สินค้าอุปโภคบริโภค

สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) หมายถึง สินค้าที่ถูกผลิตและจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน แบ่งออกได้เป็น สินค้าอุปโภค (ใช้สอย) และ สินค้า​บริโภค (บริโภคหรือกินได้) สินค้าในหมวดนี้ครอบคลุมหลากหลายประเภท เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ส่วนตัว และของใช้ในครัวเรือน เป็นต้น 

ตัวอย่างร้านค้า:

 

2. สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์

สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ (Fashion and Lifestyle Products) หมายถึง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแต่งกายและการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงตัวตน ความสนใจ และรสนิยมของผู้บริโภค สินค้าในหมวดนี้ไม่เพียงตอบสนองความต้องการพื้นฐาน แต่ยังเสริมสร้างเอกลักษณ์และความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน

ตัวอย่างร้านค้า:

 

3. ร้านอาหารและเครื่องดื่ม

ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage Establishments) คือ สถานที่ที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ลูกค้า ซึ่งมีตั้งแต่ร้านอาหารขนาดใหญ่ ร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านขนม ไปจนถึงรถเข็นขายอาหาร ร้านอาหารและเครื่องดื่มถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในวิถีชีวิตของคนทุกยุคสมัย

ตัวอย่างร้านค้า:

 

4. สุขภาพและความงาม

สุขภาพและความงาม (Health and Beauty) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแนวทางที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง รวมถึงการดูแลรูปลักษณ์ภายนอก เช่น ผิวพรรณ เส้นผม และรูปร่าง เพื่อสร้างความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพ

ตัวอย่างองค์ประกอบหลักในหมวดสุขภาพและความงาม

1. การดูแลสุขภาพ เช่น อาหารเสริม การออกกำลังกาย การตรวจสุขภาพ

2. การดูแลความงาม เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การแต่งหน้า การทำศัลยกรรม

ตัวอย่างร้านค้า:

 

5. บริการออนไลน์และดิจิทัล

บริการออนไลน์และดิจิทัล (Online and Digital Services) หมายถึง บริการที่สามารถเข้าถึงและใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตหรือระบบดิจิทัล ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการทำธุรกิจ หรือการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องออกจากบ้านหรือสถานที่ทำงาน ตัวอย่างของบริการเหล่านี้รวมถึงการให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การศึกษาออนไลน์ การช็อปปิ้งออนไลน์ การบริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน หรือแม้กระทั่งการใช้บริการทางสุขภาพผ่านทางออนไลน์

ตัวอย่างร้านค้า:

 

6. สินค้าไอทีและอิเล็กทรอนิกส์

สินค้าไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการออกแบบและการใช้งาน ซึ่งประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีฟังก์ชันการทำงานเกี่ยวข้องกับการคำนวณ การสื่อสาร การเก็บข้อมูล และการประมวลผล รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน ตัวอย่างสินค้าเหล่านี้มีตั้งแต่คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ทีวี สมาร์ตโฟน ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมที่ใช้ร่วมกับเครื่องมือไอที

ตัวอย่างร้านค้า:

 

7. การศึกษาและสื่อ

การศึกษาและสื่อ หมายถึง กิจกรรมและเครื่องมือที่ใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ การเข้าถึงข้อมูล และการพัฒนาความรู้ในสังคม โดยการศึกษาเป็นกระบวนการที่ให้ความรู้และทักษะต่างๆ แก่บุคคลเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินชีวิตและการทำงาน ในขณะที่สื่อหมายถึงเครื่องมือหรือช่องทางที่ช่วยในการกระจายข้อมูลหรือเนื้อหาที่เกี่ยวกับการศึกษา รวมถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างร้านค้า:

 

8. ผลิตภัณฑ์ OTOP

OTOP (One Tambon One Product) คือ โครงการที่ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสินค้าท้องถิ่นของแต่ละตำบลในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบจากท้องถิ่นในการผลิตสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีศักยภาพ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในระดับชุมชน ส่งเสริมการสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น รวมถึงเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับสินค้าท้องถิ่น

โครงการนี้เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2544 ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลไทย โดยเน้นการส่งเสริมให้แต่ละตำบลมีผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับการพัฒนาจากความรู้หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาให้สินค้าเหล่านี้มีคุณภาพที่สามารถแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศได้

ตัวอย่างร้านค้า:

 

9. บริการของวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม

วิสาหกิจชุมชน และ วิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นองค์กรหรือหน่วยงานที่มีการจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกในชุมชน โดยไม่เน้นผลกำไรสูงสุด แต่มีเป้าหมายหลักคือ การสร้างประโยชน์ให้กับสมาชิกในชุมชนและสังคมโดยรวม ผ่านการจัดการทรัพยากรและกิจกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในพื้นที่ต่างๆ

วิสาหกิจชุมชน

วิสาหกิจชุมชนคือกิจการที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของสมาชิกในชุมชน ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นในการผลิตหรือให้บริการ เพื่อเสริมสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน แต่ไม่เน้นการหากำไรสูงสุดเหมือนธุรกิจทั่วไป โดยสินค้าหรือบริการที่เกิดจากวิสาหกิจชุมชนจะมีการส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

วิสาหกิจเพื่อสังคม

วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เป็นองค์กรหรือกิจการที่ใช้รูปแบบธุรกิจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมโดยตรง โดยมุ่งเน้นการให้บริการหรือผลิตสินค้าเพื่อแก้ปัญหาสังคม เช่น การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือการสนับสนุนการศึกษาและสุขภาพของชุมชน

การดำเนินงานของวิสาหกิจเพื่อสังคมจะมีการบริหารจัดการในลักษณะของธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ แต่รายได้ที่ได้มาจะถูกนำกลับมาลงทุนหรือสนับสนุนกิจกรรมที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างร้านค้า:

หมายเหตุ:  สอบถามและตรวจสอบกับร้านค้าที่คุณใช้บริการเข้าร่วมโครงการ Easy E Receipt หรือไม่ และสามารถหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเพิ่มเติมเสมอเพื่อสามารถใช้สิทธิการลดหย่อนภาษีอย่างเต็มที่ เช่น เว็บไซต์ กรมสรรพากร https://www.rd.go.th/272.html

 

การเลือกใช้บริการจาก ร้านค้าที่รองรับ Easy E Receipt ไม่เพียงช่วยให้คุณลดหย่อนภาษีปี 2025 ได้อย่างง่ายดาย แต่ยังเป็นการสนับสนุนระบบดิจิทัลที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและเพิ่มความสะดวกในการดำเนินชีวิต ตรวจสอบร้านค้าและนำสิทธิประโยชน์จากระบบนี้มาใช้ให้คุ้มค่า เพื่อการจัดการภาษีที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ!

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมสรรพากร

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow