การยื่นภาษีในปี 2025 กำลังเปลี่ยนไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วย Easy E Receipt ระบบที่ช่วยให้การจัดการเอกสารการลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารแบบเดิม ๆ อีกต่อไป ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ Easy E Receipt วิธีใช้งาน และประโยชน์ที่จะช่วยให้คุณลดหย่อนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Easy E Receipt คือ ระบบจัดการใบเสร็จในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การเก็บและใช้งานใบเสร็จง่ายขึ้น โดยสามารถรองรับการใช้งานทั้งในด้านการลดหย่อนภาษีและการจัดการค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลหรือองค์กร จุดเด่นของระบบนี้คือการลดภาระการเก็บใบเสร็จแบบกระดาษ และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
Easy E Receipt เป็นระบบใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายในรูปแบบดิจิทัล ผู้ใช้งานสามารถนำใบเสร็จเหล่านี้ไปใช้ในการยื่นลดหย่อนภาษีได้อย่างสะดวกสบาย โดยระบบนี้รองรับค่าใช้จ่ายหลายประเภท เช่น
-ค่ารักษาพยาบาล
-ค่าเล่าเรียน
-ค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาทักษะ
การลดหย่อนภาษีปี 2025 คือกระบวนการที่ผู้เสียภาษีสามารถนำค่าใช้จ่ายบางรายการมาหักลบกับรายได้ เพื่อช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีให้กับกรมสรรพากร โดยในปี 2025 รัฐบาลยังคงสนับสนุนนโยบายลดหย่อนภาษีในหลากหลายด้าน เช่น การลงทุน การศึกษา สุขภาพ และการบริจาค ทั้งนี้ผู้เสียภาษีควรทราบข้อมูลเงื่อนไขและประเภทของค่าใช้จ่ายที่สามารถลดหย่อนได้อย่างครบถ้วน
ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
-ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
-ค่าลดหย่อนคู่สมรส: 60,000 บาท
-ค่าลดหย่อนบุตร: บุตรคนละ 30,000 บาท
ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่
-บิดามารดาที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและไม่มีรายได้: 30,000 บาทต่อคน
ค่าเลี้ยงผู้ทุพพลภาพ
-ผู้ทุพพลภาพ: 60,000 บาท
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)
ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ แต่รวมกันกับ RMF และ LTF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ค่าเล่าเรียนและการศึกษาของบุตร
ค่าเล่าเรียนของบุตรในสถานศึกษาในประเทศไทย: 15,000 บาทต่อคน
ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะหรือฝึกอบรม
หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง
-ค่ารักษาพยาบาลของตนเองและครอบครัว
-ค่าประกันสุขภาพ: ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท
ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้
Easy E-Receipt เป็นระบบจัดการเอกสารใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้เสียภาษีจัดการเอกสารสำหรับการลดหย่อนภาษีได้ง่ายขึ้น มีประโยชน์อย่างยิ่งในปี 2025 ที่การยื่นภาษีออนไลน์และการใช้เอกสารดิจิทัลได้รับการส่งเสริมจากกรมสรรพากรไทย
ในปี 2025 ระบบ Easy E Receipt มีบทบาทสำคัญในกระบวนการลดหย่อนภาษี ผู้เสียภาษีสามารถอัปโหลดใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ระบบคำนวณและส่งข้อมูลไปยังกรมสรรพากรได้โดยตรง ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่รองรับ เช่น
-ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา
-ค่ารักษาพยาบาล
-ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริจาค
ระบบ Easy E-Receipt ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถลดหย่อนภาษีได้อย่างสะดวกและถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน โดยมีขั้นตอนดังนี้
-เข้าไปที่แพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันที่รองรับ Easy E-Receipt เช่น เว็บไซต์ธนาคารที่คุณใช้งานอยู่
-กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขบัตรประชาชน, และที่อยู่อีเมล
-ตั้งค่ารหัสผ่านและยืนยันการสมัครใช้งาน
-หลังจากลงทะเบียนเสร็จสิ้น คุณจะได้รับการยืนยันการสมัครผ่านอีเมลหรือข้อความ
-ใบเสร็จดิจิทัล: หากได้รับใบเสร็จในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไฟล์ PDF หรือภาพถ่าย ให้ทำการอัปโหลดเข้าสู่ระบบ Easy E-Receipt ได้ทันที
-การเชื่อมต่ออัตโนมัติ: หากใบเสร็จออกโดยหน่วยงานหรือองค์กรที่เชื่อมต่อกับระบบ Easy E-Receipt เช่น โรงพยาบาล, ร้านค้า, หรือมูลนิธิ ระบบจะดึงข้อมูลเข้าสู่บัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ
-ตรวจสอบข้อมูลใบเสร็จ เช่น ชื่อผู้ชำระเงิน, หมายเลขใบเสร็จ, จำนวนเงิน, วันที่, และประเภทค่าใช้จ่าย
-แยกประเภทใบเสร็จ เช่น ใบเสร็จเพื่อการบริจาค, ค่าประกันสุขภาพ, หรือค่าใช้จ่ายในโครงการ "ช้อปดีมีคืน"
-หมายเหตุ: การจัดการข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยลดความยุ่งยากเมื่อต้องยื่นภาษี
-ในช่วงใกล้ถึงกำหนดยื่นภาษี ระบบ Easy E-Receipt จะมีฟังก์ชันให้คุณสร้างรายงานค่าใช้จ่าย
-รายงานนี้จะระบุข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ในการลดหย่อนภาษี เช่น จำนวนเงินรวมและประเภทค่าใช้จ่าย
-ดาวน์โหลดรายงานในรูปแบบที่กรมสรรพากรยอมรับ เช่น ไฟล์ PDF หรือ XML
-เข้าสู่ระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร
-อัปโหลดรายงานค่าใช้จ่ายจากระบบ Easy E-Receipt เข้าสู่แพลตฟอร์ม
-ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดก่อนทำการส่งยื่นภาษี
-เมื่อยื่นสำเร็จแล้ว คุณจะได้รับใบยืนยันการยื่นภาษี
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนสำหรับการยื่นภาษีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การลดหย่อนภาษีเป็นไปอย่างราบรื่น โดยทั่วไปเอกสารที่จำเป็นจะขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้และรายการลดหย่อนที่ต้องการยื่น ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้
-บัตรประจำตัวประชาชน
-สำเนาทะเบียนบ้าน (ในกรณีที่มีการยื่นสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ลดหย่อนคู่สมรสหรือบุตร)
-หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จากนายจ้างหรือคู่ค้า
-ใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงิน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ
-รายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) ที่แสดงรายได้ (หากเกี่ยวข้อง)
3.1 ลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
-สำเนาทะเบียนสมรส (สำหรับลดหย่อนคู่สมรส)
-สูติบัตรของบุตร พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน (สำหรับลดหย่อนบุตร)
-หนังสือรับรองการเป็นผู้พิการ/ทุพพลภาพ (กรณีลดหย่อนผู้พิการ)
3.2 ลดหย่อนประกันและกองทุน
-ใบเสร็จชำระเบี้ยประกันชีวิต/ประกันสุขภาพ
-หนังสือรับรองการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (RMF)
3.3 ลดหย่อนเพื่อการศึกษาและบริจาค
-ใบเสร็จค่าเทอมของบุตร (กรณีลดหย่อนเพื่อการศึกษา)
-ใบเสร็จการบริจาคที่ระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้บริจาค
3.4 ลดหย่อนอื่น ๆ
-ใบเสร็จโครงการ "ช้อปดีมีคืน"
-ใบกำกับภาษีสำหรับค่าซ่อมแซมบ้านหรือรถที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีที่เคยชำระไว้ล่วงหน้า (ถ้ามี)
-รายงานค่าใช้จ่ายที่ดาวน์โหลดจากระบบ Easy E-Receipt
-ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินที่แนบในระบบ
1. ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของคุณ
2. จัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน โดยเฉพาะใบเสร็จที่มีรายละเอียดครบถ้วน
3. ใช้เทคโนโลยี เช่น Easy E Receipt เพื่อจัดการใบเสร็จและลดภาระการเก็บเอกสาร
4. หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิทธิ์การลดหย่อน สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
1. สะดวกสบายและประหยัดเวลา ไม่ต้องเก็บเอกสารกระดาษ เพียงอัปโหลดข้อมูลเข้าสู่ระบบ
2. ลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูล ระบบช่วยตรวจสอบรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามเงื่อนไขการลดหย่อน
3. รองรับทุกอุปกรณ์ ใช้งานผ่านมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
-ตรวจสอบว่าใบเสร็จที่อัปโหลดเข้าไปตรงตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร
-จัดเก็บไฟล์สำรองในกรณีที่ระบบขัดข้อง
-ติดตามข่าวสารและเงื่อนไขใหม่ ๆ เกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีในปี 2025
ข้อมูลอ้างอิง
กรมสรรพากร