ผู้แต่งจะต้องรู้จักเลือกใช้องค์ประกอบของดนตรีให้เหมาะสมกับอารมณ์ของบทเพลงและความรู้สึกที่ถ่ายทอด ซึ่งองค์ประกอบต่างๆ จะต้องมีความสัมพันธ์กัน และแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจได้อย่างชัดเจน
1. แนวคิดหลักของเพลง
ผู้ประพันธ์เพลงต้องรู้ก่อนว่า เพลงที่กำลังจะเขียนขึ้นมานั้น เขียนมาเพื่ออะไร เช่น เขียนเพื่อประกอบละคร ภาพยนตร์ หรือ โฆษณา หรืออื่นๆ เมื่อทราบวัตถุประสงค์ของการแต่งเพลงแล้ว ขั้นต่อไปคือหาแรงบันดาลใจ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือมุมมองของเรื่องราวนั้น ๆ เพื่อช่วยให้มีทิศทางในการเขียนที่ง่ายขึ้นและชัดเจน
2. การเลือกใช้เสียงประสาน
เลือกใช้คอร์ด เลือกทำนองประสาน ที่เหมาะสมและส่งเสริมให้ทำนองมีความไพเราะมากยิ่งขึ้น
3. การเลือกใช้เครื่องดนตรี
ผู้ประพันธ์ต้องรู้ลักษณะเสียงของเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ ว่าแต่ละเครื่องนั้นเมื่อเล่นโน้ตที่เขียนขึ้นมา เสียงจากเครื่องดนตรีนั้นให้อารมณ์และความรู้สึกอย่างไร
1. การเลือกจังหวะ เพื่อสร้างสรรค์บทเพลง
ผู้ประพันธ์ควรเลือกใช้อัตราจังหวะให้เหมาะสมกับบทเพลง โดยทั่วไปแล้วอัตราจังหวะที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ อัตราจังหวะ 4/4
หลังจากทราบวัตถุประสงค์และแนวคิดของการเขียนเพลงและเลือกอัตราจังหวะที่เหมาะสมได้แล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือ ความเร็วของบทเพลง ซึ่งความเร็วจะมีความสำคัญมากในการให้อารมณ์ ความรู้สึกในเพลง เช่น การใช้จังหวะเร็ว จะทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกสนุกสนาน อยากจะลุกขึ้นมาเต้น มีความสุข ในทางกลับกัน การใช้จังหวะช้า จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกผ่านคลายหรือเศร้าโศกได้เช่นกัน
2. การเรียบเรียงทำนองเพลง
ทำนองเพลง คือสิ่งที่โดดเด่นที่สุด ผู้ฟังจะจำเพลงแต่ละเพลงได้จากทำนองเพลง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของเพลง ดังนั้นการคิดทำนองจะขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประพันธ์ ว่าจะให้ทำนองออกมาเป็นอย่างไร เนื้อร้องเล่าถึงอะไร ใช้ภาษาอย่างไร ทำนองที่ไพเราะจะต้องฟังแล้วกลมกลืนไปกับส่วนประกอบต่างๆ ของเพลง ส่งเสริมอารมณ์เพลงให้ชัดเจนมากขึ้น
- ตั้งเป้าหมายในการแต่งเพลง
ก่อนเริ่มประพันธ์เพลง ให้กำหนดเป้าหมายว่าคุณต้องการสื่อสารอะไรผ่านบทเพลง เช่น ความสุข ความเศร้า หรือแรงบันดาลใจ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีแนวทางที่ชัดเจนในการสร้างทำนองและเนื้อร้อง
- ศึกษาโครงสร้างเพลงจากเพลงที่ชอบ
ฟังเพลงที่คุณชื่นชอบและลองวิเคราะห์โครงสร้าง เช่น จำนวนท่อนเวิร์สและคอรัส รูปแบบของการเปลี่ยนคีย์ หรือวิธีการสร้างไคลแมกซ์ของเพลง เพื่อให้คุณเข้าใจว่าทำไมเพลงเหล่านั้นจึงน่าสนใจ
- ทดลองเขียนเนื้อเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัว
ใช้เรื่องราวหรือประสบการณ์ในชีวิตประจำวันมาเป็นแรงบันดาลใจ เนื้อเพลงที่มีความจริงใจและเชื่อมโยงกับชีวิตของคุณจะสามารถสื่อสารกับผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง
- เริ่มจากเครื่องดนตรีที่ถนัด
เลือกใช้เครื่องดนตรีที่คุณรู้จัก เช่น กีตาร์หรือเปียโน เพื่อช่วยสร้างทำนองและคอร์ดเบื้องต้น การเล่นไปพร้อมกับการร้องจะช่วยให้คุณเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทำนองและจังหวะ
- บันทึกไอเดียทันทีที่คิดออก
แรงบันดาลใจสามารถมาได้ทุกเวลา ดังนั้นควรมีสมุดจดหรือแอปบันทึกเสียงติดตัวไว้เสมอ เมื่อมีทำนองหรือเนื้อร้องผุดขึ้นในหัว คุณสามารถบันทึกไว้เพื่อพัฒนาต่อในภายหลัง
- ฝึกแต่งเพลงอย่างสม่ำเสมอ
การแต่งเพลงเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝน ยิ่งคุณลงมือแต่งเพลงบ่อยเท่าไร คุณจะยิ่งพัฒนาทักษะและค้นพบสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
- ขอคำแนะนำจากผู้ฟังและเพื่อนร่วมวงการ
เมื่อแต่งเพลงเสร็จ ลองให้คนอื่นฟังและขอความคิดเห็น การรับฟังคำติชมช่วยให้คุณมองเห็นจุดที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาเพลงให้ดียิ่งขึ้น
- หมั่นสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ
การออกไปพบเจอสิ่งใหม่ เช่น การเดินทาง การชมธรรมชาติ หรือการพูดคุยกับผู้คน สามารถช่วยเติมเต็มไอเดียสำหรับการแต่งเพลงและสร้างบทเพลงที่หลากหลาย
- ทดลองแนวเพลงใหม่
อย่ายึดติดกับแนวเพลงใดแนวเพลงหนึ่ง ลองประพันธ์เพลงในแนวทางที่คุณไม่เคยทำมาก่อน เช่น แจ๊ส ร็อก หรือดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจช่วยให้คุณค้นพบแนวทางใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
- การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
การแต่งเพลงช่วยฝึกสมองให้คิดในเชิงสร้างสรรค์และเชื่อมโยงความคิดหลากหลายด้านเข้าด้วยกัน
- การสื่อสารอารมณ์และความรู้สึก
เพลงเป็นเครื่องมือสำคัญในการถ่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ และความรู้สึกของผู้ประพันธ์ไปยังผู้ฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาทักษะด้านดนตรี
ผู้ประพันธ์เพลงจะได้ฝึกฝนทักษะทางดนตรี เช่น การอ่านโน้ต การเขียนทำนอง และการประสานเสียง
แหล่งข้อมูล