ความรับผิดชอบเจ้าของที่พัก และสิทธิของผู้เช่าที่พักอาศัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเช่าที่พักในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหอพัก อพาร์ตเมนต์ หรือบ้านเช่า ล้วนอยู่ภายใต้ กฎหมายที่พักอาศัย หรือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสัญญาเช่า ซึ่งระบุถึงหน้าที่และสิทธิของทั้งสองฝ่ายไว้อย่างชัดเจน การเข้าใจข้อกฎหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาข้อพิพาท แต่ยังสร้างความมั่นใจในการทำสัญญาเช่าที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เจ้าของที่พักอาศัยมีหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดอย่างชัดเจน เพื่อรักษาสิทธิและความปลอดภัยของผู้เช่า การปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วนช่วยลดข้อพิพาท และเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างเจ้าของกับผู้เช่า
- ดูแลสภาพที่พัก : เจ้าของต้องรักษาสภาพที่พักให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น ซ่อมแซมอุปกรณ์หรือระบบต่าง ๆ ในกรณีที่ชำรุดโดยไม่ได้เกิดจากผู้เช่า
- ระบบความปลอดภัย : เช่น การติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย และตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างที่พัก
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544 : ระบุให้เจ้าของต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นในทรัพย์สิน
เจ้าของต้องจัดทำสัญญาเช่าที่ระบุเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างครบถ้วน เช่น
- เงื่อนไขการชำระค่าเช่า
- ระยะเวลาการเช่า
- ข้อกำหนดในการซ่อมแซม
หากเป็นธุรกิจให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย เช่น อะพาร์ตเมนต์ ต้องปฏิบัติตาม ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา พ.ศ. 2561 ที่กำหนดรูปแบบ และเงื่อนไขสำคัญในสัญญา
- แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน เช่น พื้นที่ใช้สอย เงื่อนไขการใช้ทรัพย์สิน
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าไฟ
เจ้าของที่พักสามารถเรียกเก็บเงินประกันจากผู้เช่าได้ตามกฎหมาย แต่ต้อง
- เก็บไม่เกิน 1 เดือนสำหรับการเช่าที่พักอาศัยทั่วไป (ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา พ.ศ. 2561)
- คืนเงินประกันให้ผู้เช่าภายใน 7 วันหลังสิ้นสุดสัญญา หากไม่มีความเสียหาย
- การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (สำหรับผู้ให้เช่าที่เป็นบุคคล)
- การออกใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีให้ผู้เช่า
เจ้าของที่พักมีหน้าที่จัดการปัญหา หรือข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น เช่น
- การซ่อมแซมความเสียหายที่ไม่ใช่ความผิดของผู้เช่า
- การแก้ไขปัญหาที่พักที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
การบอกเลิกสัญญาต้อง
- แจ้งผู้เช่าล่วงหน้าตามกำหนดเวลาที่ระบุในสัญญา
- มีเหตุผลที่สมเหตุสมผล เช่น ผู้เช่าผิดเงื่อนไขการชำระค่าเช่า
ในกรณีที่พักอาศัยอยู่ภายใต้กฎหมายเฉพาะ เช่น
- พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สำหรับเจ้าของที่พักที่มีลักษณะเป็นอาคารชุด หรืออะพาร์ตเมนต์
- กฎหมายว่าด้วยการให้เช่าซื้อ หรือขายเช่าทรัพย์สิน
เจ้าของที่พักมีหน้าที่รับผิดชอบเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น
- การซ่อมแซมที่จำเป็นในกรณีภัยพิบัติ
- การดูแลความปลอดภัยของผู้เช่าหลังเหตุการณ์
กฎหมายเกี่ยวกับที่พักอาศัย มีเป้าหมายเพื่อกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ ของทั้งเจ้าของที่พักและผู้เช่าให้ชัดเจน เพื่อรักษาความยุติธรรมและความปลอดภัยในสัญญาเช่า และการใช้ทรัพย์สิน
หมวดว่าด้วยการเช่า (มาตรา 537-571)
มาตรา 537 : การเช่าเป็นสัญญาที่ผู้ให้เช่ายินยอมให้ผู้เช่าใช้ทรัพย์สิน และผู้เช่าต้องชำระค่าเช่า
มาตรา 544 : ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของทรัพย์สิน เว้นแต่ผู้เช่าทราบอยู่ก่อน
มาตรา 560 : สัญญาเช่าที่มีระยะเวลาเกิน 3 ปี ต้องทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่
ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา พ.ศ. 2561
บังคับใช้สำหรับธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย (เช่น อะพาร์ตเมนต์ หรือหอพัก) โดยกำหนดข้อกำหนดสำคัญ เช่น
- ผู้ให้เช่าต้องจัดทำสัญญาเช่าที่ชัดเจน และไม่เอาเปรียบ
- ห้ามเก็บค่าประกันเกิน 1 เดือน และค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน
- ต้องคืนเงินประกันให้ผู้เช่าภายใน 7 วัน หลังสิ้นสุดสัญญา
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการก่อสร้าง ดัดแปลง และบำรุงรักษาอาคารที่พักอาศัย เช่น
- อาคารต้องปลอดภัย และมีโครงสร้างที่มั่นคง
- การติดตั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปา และความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน
สำหรับที่พักอาศัยประเภทอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) กฎหมายนี้กำหนดสิทธิและหน้าที่ของเจ้าของร่วม รวมถึงข้อกำหนดในการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนกลาง เช่น
- การเก็บค่าส่วนกลาง
- การจัดการข้อพิพาทในพื้นที่ส่วนกลาง
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : สำหรับรายได้จากการให้เช่าที่พัก
- ภาษีโรงเรือน และที่ดิน : เจ้าของทรัพย์สินที่ให้เช่าจะต้องชำระภาษีนี้
- ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง : ครอบคลุมการใช้ทรัพย์สินเพื่ออยู่อาศัย หรือพาณิชยกรรม
พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535
- การจัดการขยะ และสิ่งปฏิกูลในที่พัก
- การควบคุมมลภาวะ เช่น กลิ่น เสียง และน้ำเสีย
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA)
เจ้าของที่พักต้องปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่า เช่น สำเนาบัตรประชาชน หรือข้อมูลการติดต่อ
ในกรณีที่ผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามสัญญา เช่น ไม่ชำระค่าเช่า หรือไม่ย้ายออกหลังสิ้นสุดสัญญา เจ้าของที่พักสามารถ
- ฟ้องร้องเพื่อบังคับให้ผู้เช่าปฏิบัติตามสัญญา
- ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อออกคำสั่งขับไล่
ประกาศคณะกรรมการกิจการพลังงาน ผู้ให้เช่าห้ามคิดค่าน้ำ หรือค่าไฟฟ้าเกินอัตราที่กำหนดโดยหน่วยงานรัฐ
บางพื้นที่อาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการที่พักอาศัย เช่น การกำหนดโซนที่พัก หรือการใช้ที่ดิน
ผู้เช่าที่พักอาศัย คือ บุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่พัก เพื่อใช้ประโยชน์ในที่อยู่อาศัย โดยมีหน้าที่และสิทธิตามที่ระบุในกฎหมาย และสัญญาเช่า
ผู้เช่ามีสิทธิต่าง ๆ ดังนี้
1. สิทธิในการใช้ทรัพย์สิน สามารถใช้ที่พักได้ตามที่ระบุในสัญญา
2. สิทธิในการได้รับทรัพย์สินที่เหมาะสม
- ที่พักต้องอยู่ในสภาพดี และปลอดภัย
- หากมีความชำรุดเสียหาย เจ้าของต้องดำเนินการซ่อมแซม
3. สิทธิในความเป็นส่วนตัว เจ้าของที่พักไม่สามารถเข้าที่พักโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. สิทธิในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้เช่า เช่น สำเนาบัตรประชาชน ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย PDPA
5. สิทธิในการขอคืนเงินประกัน หลังจากหมดสัญญา และไม่มีความเสียหาย ผู้เช่ามีสิทธิได้รับเงินประกันคืน
ผู้เช่าต้องปฏิบัติตามหน้าที่ดังนี้
1. ชำระค่าเช่า และค่าสาธารณูปโภค
- ต้องจ่ายตามระยะเวลาที่ตกลง เช่น รายเดือนหรือรายปี
- ค่าสาธารณูปโภคต้องจ่ายตามที่ใช้จริง ไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
2. รักษาทรัพย์สิน
- ใช้ที่พักอย่างระมัดระวัง และไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
- หากเกิดความเสียหายจากการใช้งาน ต้องรับผิดชอบซ่อมแซม
3. ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญา
- ห้ามเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ห้ามใช้ที่พักในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น ทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย
4. แจ้งปัญหา หรือความชำรุดแก่เจ้าของ หากพบความชำรุดต้องแจ้งเจ้าของทันที
5. ย้ายออกตามกำหนดเวลา เมื่อหมดสัญญา หรือเลิกเช่า ต้องคืนทรัพย์สินในสภาพเดิม
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 537-571 กำหนดสิทธิ และหน้าที่ของผู้เช่า เช่น การชำระค่าเช่า การดูแลทรัพย์สิน
- ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา พ.ศ. 2561 ผู้เช่ามีสิทธิได้รับสัญญาที่เป็นธรรม และไม่ถูกเอาเปรียบ เช่น การกำหนดอัตราค่าประกัน และค่าเช่าล่วงหน้า
- กฎหมายสิทธิส่วนบุคคล (PDPA) ผู้เช่ามีสิทธิปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลทางการเงิน และการติดต่อ
- สัญญาเช่าที่ไม่เป็นธรรม ข้อกำหนดที่เอาเปรียบผู้เช่า เช่น การเก็บเงินประกันสูงเกินไป
- การไม่ได้รับเงินประกันคืน เจ้าของอาจอ้างถึงความเสียหายโดยไม่มีหลักฐาน
- ปัญหาความชำรุดในที่พัก เช่น ไฟฟ้าขัดข้อง น้ำรั่ว เจ้าของอาจล่าช้าในการซ่อมแซม
- ข้อพิพาทกับเจ้าของที่พัก เช่น การเข้ามาในที่พักโดยไม่ได้รับอนุญาต
- อ่านสัญญาอย่างละเอียด ตรวจสอบเงื่อนไข และข้อกำหนด เช่น ค่าเช่า ค่าปรับ และระยะเวลาสัญญา
- เก็บหลักฐานการชำระเงิน เพื่อป้องกันปัญหาการถูกเรียกเก็บเงินซ้ำ
- แจ้งปัญหาทันที หากพบความชำรุด ให้แจ้งเจ้าของเป็นลายลักษณ์อักษร
- ตรวจสอบสภาพที่พักก่อนย้ายเข้าและออก ถ่ายภาพหรือบันทึกข้อมูลเพื่อป้องกันข้อพิพาท
ข้อมูลอ้างอิง
กระทรวงยุติธรรม