การประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้น้อง ๆ ชั้นมัธยมต้น เข้าใจว่าตัวเองเรียนรู้อะไรไปบ้าง เข้าใจดีแค่ไหน และยังมีจุดไหนที่ต้องพัฒนา การประเมินผลสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การทำแบบทดสอบ การเขียนรายงาน การนำเสนองาน การตอบคำถาม และอื่น ๆ การเรียนรู้ไม่ใช่แค่การจดจำเนื้อหาในหนังสือเรียน แต่มันคือกระบวนการต่อเนื่องที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต เป็นการแสวงหาความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนอีกด้วย

การสำรวจผลลัพธ์การเรียนรู้ ช่วยให้น้อง ๆ ที่กำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมต้น เข้าใจถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ช่วยให้ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และช่วยให้กำหนดเป้าหมายใหม่ให้กับตัวเอง วิธีค้นหาความสนใจของตัวเองมีดังนี้

น้อง ๆ ระบุด้านที่ต้องปรับปรุง

เมื่อน้อง ๆ ทราบจุดอ่อนของตัวเองแล้ว น้อง ๆ สามารถหาแนวทางในการพัฒนาตนเองได้ เช่น การหาหนังสือเพิ่มเติม การเรียนพิเศษ การขอคำปรึกษาจากครู หรือการฝึกฝนเพิ่มเติม

กำหนดเป้าหมายใหม่ให้กับตัวเองในอนาคต

เมื่อน้อง ๆ ทราบถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองแล้ว น้อง ๆ สามารถกำหนดเป้าหมายใหม่ให้กับตัวเองว่าในอนาคตต้องการจะเรียนหรือทำงานในทางใด เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของตนเองและครอบครัว การตั้งเป้าหมายนั้นจะช่วยให้น้อง ๆ สามารถค้นหาตัวเองได้ง่ายยิิ่งขึ้น และสามารถสรุปความสนใจของตัวเองออกมา  เพื่อช่วยให้น้อง ๆ มีแรงจูงใจในการเรียนรู้ และช่วยให้น้อง ๆ สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

น้อง ๆ สามารถประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองได้โดยวิธีการใดบ้าง

1. การทำแบบทดสอบ
2. การเขียนรายงาน
3. การนำเสนองาน
4. การตอบคำถาม
5. การทำ Portfolio
6. การบันทึกวิดีโอ
7. การขอ Feedback จากครู เพื่อน หรือผู้ปกครอง

เมื่อน้อง ๆ รู้จักวิธีการประเมินผลความสำเร็จของตัวเองแล้ว ให้ทำการมองหาความสนใจ ความถนัดของตนเอง เพื่อต่อยอดเลือกสายการเรียน สาขา อาชีพในอนาคตต่อไป จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันได้เลย

1. ความสนใจและความชอบ:

- ลองถามตัวเองว่าชอบอะไร ทำอะไรแล้วรู้สึกสนุก มีความสุข
- วิเคราะห์จากวิชาที่เรียนว่าชอบวิชาไหนมากที่สุด ทำคะแนนได้ดี
- ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะและสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจ
- ศึกษาเกี่ยวกับอาชีพที่ตรงกับสาขาที่สนใจ

2. ความถนัดและทักษะ:

- พิจารณาจากผลการเรียน วิชาไหนที่ถนัด เรียนแล้วเข้าใจง่าย
- วิเคราะห์ทักษะและความสามารถของตัวเอง ว่าเหมาะกับสายไหน
- ลองทำแบบทดสอบค้นหาความถนัดและทักษะ
- ปรึกษาครูแนะแนว อาจารย์ หรือผู้ที่มีประสบการณ์

3. เป้าหมายในอนาคต:

- ตั้งเป้าหมายว่าอยากทำงานอะไร อาชีพอะไร
- หาข้อมูลว่าอาชีพที่ใฝ่ฝันนั้น ต้องเรียนต่อสายไหน
- พิจารณาความเป็นไปได้ของเป้าหมาย
- วางแผนการศึกษาและการทำงาน

4. ข้อมูลและโอกาส:

- หาข้อมูลเกี่ยวกับคณะและสาขาต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย
- เปรียบเทียบหลักสูตรการเรียน การสอน
- เข้าร่วมกิจกรรม Open House ของมหาวิทยาลัย
- พูดคุยกับรุ่นพี่ที่เรียนในคณะและสาขาที่สนใจ

5. ปัจจัยอื่น ๆ:

- ทุนการศึกษา
- ค่าใช้จ่ายในการศึกษา
- สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัย
- ความชอบส่วนตัว

6. วิธีการค้นหาตัวเอง:

- ทำแบบทดสอบค้นหาความถนัดและความสนใจปรึกษาครูแนะแนว อาจารย์ หรือผู้ที่มีประสบการณ์
-  ลองทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายที่สนใจ
- หาข้อมูลเกี่ยวกับคณะและสาขาต่าง ๆ
- เข้าร่วมกิจกรรม Open House ของมหาวิทยาลัย
- พูดคุยกับรุ่นพี่ที่เรียนในคณะและสาขาที่สนใจ

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ น้อง ๆ ควรใช้เวลาในการค้นหาตัวเองอย่างรอบคอบ พิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างละเอียด ปรึกษาผู้ปกครอง ครูแนะแนว อาจารย์ หรือผู้ที่มีประสบการณ์ และน้อง ๆ ควรเลือกเรียนในสายที่ตัวเองสนใจ ถนัด และมีความสุข

การประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้น้อง ๆ สามารถเข้าใจตัวเอง เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ช่วยให้ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง และช่วยให้กำหนดเป้าหมายใหม่ให้กับตัวเอง และการที่น้อง ๆ เรียนรู้และเข้าสู่กระบวนการประเมินอย่างต่อเนื่อง น้อง ๆ จะได้ทราบ และพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นและประสบความสำเร็จในชีวิตต่อไป