GMAT (Graduate Management Admission Test) คือ ข้อสอบที่ใช้วัดสามารถของผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อปริญญาโทด้าน MBA ของสถาบันหลายแห่งที่มีชื่อเสียงระดับโลกโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาและแคนาดา และคะแนน GMAT ยังสามารถใช้ยื่นเข้า MBA ทุกมหาวิทยาลัยในไทย เช่น MBA CU , MBA TU , NIDA , SASIA , MBA KU และมหาลัยชั้นนำอื่นทั้งในประเทศ
โครงสร้างข้อสอบ GMAT
มีคะแนนเต็ม 800 คะแนน แบ่งเป็น 3 พาร์ทด้วยกันคือ
1.วัดความรู้คณิตศาสตร์ (Quantitative) ใช้วัดความสามารถในการวิเคราะห์และการแก้โจทย์ปัญหาที่เกี่ยวกับเลขคณิต, พีชคณิต และเรขาคณิต ข้อสอบจะเป็นการทดสอบด้านการให้เหตุผลไม่ใช่การทดสอบทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ ข้อสอบมีทั้งหมด 37 ข้อ ใช้เวลา 75 นาที โดยแบ่งเป็น Problem Solving 24 คำถาม และ Data Sufficiency 13 คำถาม
2.ความรู้ภาษาอังกฤษ (Verbal) วัดความสามารถทางภาษาอังกฤษในด้านการอ่านและความเข้าใจในบทความ, การให้เหตุผลและการประเมินข้อโต้แย้ง, การเขียนแก้ไขบทความเพื่อการสื่อความหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อสอบมีทั้งหมด 41 ข้อ ใช้เวลา 75 นาที โดยแบ่งเป็น Reading Comprehension 14 คำถาม,
Critical Reading 14 คำถาม และ Sentence Correction 13 คำถาม
3.ความถนัดการเขียนวิเคราะห์ (Analytical Writing Assessment) ความถนัดการเขียนวิเคราะห์ แบ่งเป็น 2 ส่วน
- การเขียนเชิงวิเคราะห์ (Analytical Writing) วัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์และสื่อสารความคิดเห็นของท่านผ่านการเขียน ข้อสอบจะมีเขียนเรียงความ (essay) 1 ข้อใช้เวลา 30 นาที
- การให้เหตุผลเชิงบูรณาการ (Integrated Reasoning) วัดความสามารถในการแปลและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ และการเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาในรูปแบบต่างๆ ข้อสอบจะมี 12 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที
ความหมายของ คะแนน GMAT
550 คะแนนขึ้นไป คือ Average GMAT Score
700 คะแนนขึ้นไป คือ Good GMAT score
740 คะแนนขึ้นไป คือ Excellent GMAT score
วิธีการสมัครสอบ GMAT
สามารถสมัครได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.mba.com/
อัตราค่าสมัครสอบอยู่ที่ $250 ต้องชำระค่าสมัครสอบด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิต
เลือกสอบได้ 2 แบบ :
1) สอบที่ศูนย์สอบในไทย*
2) สอบออนไลน์
เงื่อนไข
- สอบได้มากกว่า 1 ครั้ง โดยสอบได้ไม่เกินเดือนละ 1 ครั้ง
- สอบ GMAT ปีหนึ่งได้ไม่เกิน 5 ครั้ง
- คะแนนสอบ GMAT มีอายุได้ถึง 5 ปี
เช็คมหาวิทยาลัยที่รับผล GMAT ในการเรียนต่อ Graduate Business Programs >> Cilk