การแต่งห้องสไตล์วินเทจ เป็นการแต่งห้องแนวย้อนยุค ตั้งแต่ยุค 60/70/80 ซึ่งเป็นยุคที่ทรงอิทธิพลมากทั้งในด้านดนตรีและแฟชั่น และส่งผลต่อเทรนด์การออกแบบภายในด้วย การออกแบบภายในสไตล์วินเทจแสดงออกถึงความเป็นตัวเองและจุดประกายความเชื่อมโยงระหว่างความทรงจำและประสบการณ์ในอดีต สำหรับผู้ที่ชมชอบการแต่งห้องสไตล์วินเทจ หากมีเฟอร์นิเจอร์เดิมอยู่แล้วอาจใช้วิธีปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ห้องมีกลิ่นอายของยุคเก่าขึ้นมาก็ได้

1. เตียง คือองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดและโดดเด่นที่สุดในห้องนอน ดังนั้น หากต้องการแต่งในสไตล์วินเทจ ก็ควรเลือกเตียงในยุคเก่าที่มีโครงเหล็กหล่อแบบดั้งเดิมหรืออาจเป็นไม้เก่า แต่หากมีเตียงอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวล เพราะการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม หรือผ้าคลุมเตียง มาเป็นลวดลายแบบวินเทจ เช่น ลวดลายดอกไม้ยุคเก่า ก็ช่วยให้เกิดความเป็นวินเทจในห้องได้เช่นกัน หรือการแต่งห้องด้วยม่านลูกไม้ ก็มีความกลมกลืนไปกับสไตล์วินเทจได้อย่างดี

2. ติดวอลเปเปอร์ วอลล์เปเปอร์ห้องนอนสามารถเปลี่ยนบรรยากาศในห้องได้ทันที ลองเลือกวอลล์เปเปอร์ที่มีลวดลายถอดแบบมาจากยุคก่อน ๆ ก็จะช่วยเพิ่มความวินเทจในการแต่งห้องได้ดีทีเดียว

3. สร้างจุดสนใจด้วยผ้าแขวนผนัง ผ้าทอมือที่มีลวดลายย้อนยุค เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยปรับบรรยากาศภายในห้องให้เป็นบรรยากาศย้อนยุคได้ ลองหาผ้าทอมือผืนใหญ่มาแขวนบนผนังห้องด้านใดด้านหนึ่ง ก็ช่วยเพิ่มสีสันความเป็นวินเทจได้เช่นกัน

4. แต่งห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ หากต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องใหม่ ให้เลือกเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ซึ่งไม่เคยตกยุค เฟอร์นิเจอร์ไม้นั้นเข้ากันได้ดีกับสไตล์วินเทจ เช่น โต๊ะไม้เตี้ย ๆ ข้างหัวเตียง

5. ไฟในห้องนอน โคมไฟตั้งโต๊ะเป็นแหล่งให้ความสว่างอีกแหล่งหนึ่งในห้องนอน ลองเลือกโคมไฟที่มีรูปลักษณ์เรียบหรูในสไตล์วินเทจมาวางบนโต๊ะข้างหัวเตียง หรือหากต้องการไฟเพดาน ให้เลือกโคมไฟระย้าติดเพดานมาเสริมความเป็นวินเทจภายในห้องก็เก๋ไก๋ไม่น้อย

6.  แต่งห้องด้วยภาพวินเทจ นำภาพ เช่น ภาพขาวดำหรือภาพที่ย้อมสีซีเปีย มาติดผนังมุมใดมุมหนึ่งของห้อง ให้รำลึกถึงประสบการณ์ดี ๆ และสร้างความขลังให้กับบรรยากาศย้อนยุคได้เสมอ