Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เทคนิคการหาโรงเรียนที่เหมาะสมให้ลูก ในช่วงประถมปลายขึ้นมัธยมต้น

Posted By Plook TCAS | 02 ธ.ค. 65
4,381 Views

  Favorite

คำกล่าวที่ว่า “โรงเรียนคือบ้านหลังที่สองของลูก” ไม่ว่าคำกล่าวนี้จะได้ยินมากี่ปีแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ ในช่วงวัยเปลี่ยนผ่าน จากเด็กประถมสู่วัยมัธยม ถือว่าเป็นช่วงสำคัญอีกหนึ่งช่วงทางด้านการศึกษา และการวางพื้นฐานอนาคตให้แก่ลูก และเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนั่นคือการย้ายโรงเรียนจากระดับประถมศึกษา สู่โรงเรียนระดับมัธยมต้น ดังนั้นการเลือกโรงเรียน จึงเป็นอีกโจทย์หนึ่งที่พ่อแม่มักกังวลใจ และต้องการหาโรงเรียนที่ดีที่สุดเป็นคำตอบให้แก่บุตรหลานของตน

 

แต่โรงเรียนที่ดี มีคุณภาพ มีชื่อเสียงที่เป็นที่ใช่สำหรับพ่อแม่ แต่อาจไม่ใช่สำหรับลูกก็ได้ เพราะจริง ๆ แล้วโรงเรียนที่ลูกต้องการมากที่สุด คือ โรงเรียนที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุข และไม่เปลี่ยนแปลงความเป็นเด็กในตัวเขาเร็วเกินไป และเมื่อลูกมีความสุขในการเรียนรู้ ก็จะทำให้การเรียนรู้นั้นเกิดประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนาศักยภาพของลูกได้อย่างเต็มที่ ทั้งด้านร่างกาย สภาพจิตใจ และอารมณ์ของลูกด้วย

 

วิธีการหาโรงเรียนที่เหมาะสมให้ลูก

วางเป้าหมายให้ชัดเจน เลือกหลักสูตรให้เหมาะสมกับลูก

การเลือกโรงเรียนในระดับชั้น ม.1 ให้เด็กในวัยประถมปลาย ถือเป็นการวางพื้นฐานไปสู่การเรียนในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นผู้ปกครองควรศึกษาข้อมูลและวางแผนด้านการศึกษาของลูกแบบระยะยาว โดยเลือกหลักสูตรที่อยู่ในแผนการวางอนาคตของลูก

 

อันดับแรกจึงเริ่มจากตัวพ่อแม่เอง ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนถึงแนวทางการศึกษาของลูก เพื่อเตรียมความพร้อมลูกให้เหมาะสมกับรูปแบบการเรียนการสอนในโรงเรียนที่พ่อแม่คาดหวังไว้ แน่นอนว่าเเต่ละที่จะต้องมีสไตล์ที่ต่างกัน แนวการเรียน การเตรียมตัวจึงแตกต่างกัน รวมไปถึงเรื่องสังคมที่ต่างกันด้วย  เช่น ถ้าวางแผนไว้ว่าจะให้ลูกเข้าโรงเรียนแนววิชาการ เช่น สาธิต หรือคาทอลิก พ่อแม่ก็ต้องเตรียมความพร้อมลูก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการช่วยเหลือตัวเอง หรือการเตรียมความพร้อมในเรื่องของสติปัญญา ที่จะต้องไปเจอการสอบแข่งขันที่เข้มข้น และที่สำคัญตัวของพ่อแม่เอง ก็จะต้องเตรียมตัวว่าตนเองจะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในการเตรียมความพร้อมให้ลูกในทุก ๆ ด้าน

 

หรือถ้าพ่อแม่ชอบโรงเรียนแนวบูรณาการ ที่ไม่เน้นการเรียนในเชิงแข่งขัน พ่อแม่ก็ต้องมีการเตรียมใจว่าลูกของเราอาจจะเรียนอ่อนกว่าโรงเรียนแนววิชาการ แต่ลูกเราจะเป็นเด็กที่มีความสุข มีความพร้อมทางอารมณ์ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น ต้องเน้นย้ำให้พ่อแม่มีความมั่นคง เพราะการตัดสินใจให้ลูกเรียนในแนวทางใดทางหนึ่งไปแล้ว และพ่อแม่เปลี่ยนใจกลางคัน สิ่งนั้นจะส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกอย่างมาก เช่น เปลี่ยนจากแนวบูรณาการที่เคยเรียนตอนระดับประถมปลายไปเป็นแนววิชาการเข้มข้นในระดับมัธยมต้น ลูกอาจจะเกิดความเครียด และอาจส่งผลให้มีพฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนไป เช่น จากเด็กช่างพูดร่าเริง อาจกลายเป็นเด็กที่เคร่งเครียด ซึมเศร้า เพราะขาดความสุขจากการเรียน

 

คำนวณระยะทางระหว่างบ้านไปโรงเรียนให้เหมาะสม

นอกจากคุณภาพแล้ว “ระยะทาง” ก็สำคัญ นอกจากการเลือกโรงเรียนที่พ่อแม่จะต้องดูความเหมาะสมในรูปแบบการสอน และศักยภาพของโรงเรียนแล้ว ความเหมาะสมในเรื่องของการรับส่ง หรือระยะทางจากบ้านไปถึงโรงเรียนก็สำคัญ เด็กบางคนต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปกินข้าว แต่งตัวบนรถ หรือเพื่อที่จะให้พ่อแม่ไปส่งให้ทันโรงเรียนเข้า และในตอนเย็นกว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดแล้ว เด็กไม่มีเวลาได้เล่นหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ พ่อแม่ก็ไม่มีเวลาที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกับลูก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นในระยาว ก็อาจเป็นสาเหตุของความเครียดสะสม ที่จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอีกด้วย

 

พิจารณาคุณภาพของโรงเรียน

คุณภาพไม่ใช่หมายถึงความดัง หรืออัตราแข่งขัน เพราะผู้ปกครองหลาย ๆ คนเวลาเลือกโรงเรียนในระดับมัธยมให้ลูก คือจะใช้สถิติเป็นหลัก โรงเรียนนี้มีเด็กสอบติดมหาวิทยาลัยกี่คน โรงเรียนนี้ดังมากน้อยแค่ไหน ในกลุ่มผู้ปกครอง แต่จริง ๆ แล้วคุณภาพหมายถึงสถานที่ บรรยากาศโดยรอบ และถ้าเป็นไปได้อยากให้ผู้ปกครองลองไปสำรวจโรงเรียนเป้าหมายที่อยากเลือกให้ลูก ว่าห้องเรียน ห้องทำกิจกรรม สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ความสะอาด ความปลอดภัย เพราะการเปลี่ยนโรงเรียนในช่วงวัยประถมปลายเข้าสู่วัยมัธยมต้น คนตัดสินใจเลือกโรงเรียนคือพ่อแม่ผู้ปกครอง ซี่งต่างจากตอนเลือกโรงเรียนในระดับมัธยมปลาย ที่เด็ก ๆ เริ่มมีความคิด มีความฝัน มีความต้องการโรงเรียนในใจบ้าง ดังนั้น หน้าที่หลักในการนิยามคำว่า “คุณภาพ” จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการเลือกโรงเรียนให้แก่เด็กในช่วงวัยนี้ 

 

ศึกษาค่าเทอม

การศึกษาของลูกถือเป็นสิ่งที่ต้องลงทุน และเป็นต้นทุนระยะยาวที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ ดังนั้นเงินถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะนอกจากค่าเทอมแล้ว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการเรียนเพิ่มเติม กิจกรรม หนังสือ เสื้อผ้า ฯลฯ ตามมาแน่นอน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจส่งลูกไปเรียนโรงเรียนใด ต้องคุยกันให้จบว่าสามารถส่งลูกให้เรียนโรงเรียนนี้ได้ตลอดต่อเนื่องหรือไม่ เพราะการต้องย้ายโรงเรียนกลางคันสร้างปัญหาในการปรับตัวให้เด็กในวัยนี้พอสมควร และคำว่าโรงเรียนคุณภาพดี อาจไม่จำเป็นต้องราคาสูงเสมอไป

 

ตัวเด็กเอง

สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกโรงเรียนนั่นก็คือตัว “เด็ก” เอง เพราะเด็กทุกคนไม่ได้เหมาะกับโรงเรียนทุกที่ และโรงเรียนที่เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ อาจไม่ใช่โรงเรียนที่เหมาะกับลูก ดังนั้นคุณพ่อคุณเเม่ควรลองสังเกตลักษณะของลูก รวมไปถึงจุดเเข็ง จุดอ่อน ของเด็กว่าวิธีการเรียนรู้แบบไหนถึงจะเหมาะกับเขาที่สุด เช่น เด็กบางคนเหมาะกับโรงเรียนทางเลือก ที่ให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น ผ่านการสัมผัสธรรมชาติ ส่วนเด็กบางคนก็เหมาะกับโรงเรียนปกติที่เน้นวิชาการ

 

สุดท้ายเหตุผลในการหาโรงเรียนให้ลูกของแต่ละครอบครัว อาจแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ควรมีเหมือนกัน นั่นคือ “ความสุข” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่อยากให้พ่อแม่คิดถึงที่สุด มากกว่าแค่คำว่า “โรงเรียนดี” หรือ “โรงเรียนเหมาะสม” ลองสังเกตดูว่า เมื่อพูดถึงโรงเรียนแล้ว ลูกมีแววตาที่เป็นประกายด้วยความสุขหรือเป็นดวงตาแห่งความทุกข์ เพราะอย่าลืมว่า ความสุขคือแรงบันดาลใจสำคัญที่จะส่งผลให้การเรียนรู้ของลูกเกิดประสิทธิภาพ และทำให้เขาเกิดแรงผลักดันที่จะค้นหาและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ด้วยตนเอง

 

นัททยา ทรูปลูกปัญญา

 

ข้อมูลจาก

เลือกโรงเรียนอย่างไรให้ “สุขใจ” ทั้งครอบครัว https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/60479/-parnew-par-

7 สิ่งที่ต้องคำนึง ในการเลือกโรงเรียนให้ลูก https://www.parentsone.com/7-school-for-child/

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook TCAS
  • 29 Followers
  • Follow