กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ แนะนำให้กับคุณพ่อคุณแม่ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ยากับเด็กเล็กว่าควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะตัวยาแต่ละชนิดมีปริมาณการใช้และข้อบ่งชี้แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้เด็กแต่ละวัยก็มีการใช้ยาและการตอบสนองต่อยาที่แตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่จึงควรเคร่งครัดเรื่องการใช้ยา ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง
ถึงแม้ยาสำหรับเด็กบางตัว คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อมาให้ลูกกินเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยได้ แต่ก็มียาบางตัวที่ไม่ควรซื้อเองโดยเด็ดขาดเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างคาดไม่ถึงได้เช่นกัน ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจกันว่ายาชนิดไหนที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรหาซื้อมาให้เด็กกินเองบ้าง
เพราะยากลุ่มซัลฟาเป็นยาต้านมาลาเรีย ในยาต้านมาลาเรียบางชนิดหากใช้ในคนไข้ที่มีภาวะ G6PD (โรคพร่องเอนไซม์ หรือ Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกหากได้รับสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ) จะไปกระตุ้นทำให้เม็ดเลือดแดงแตกและอาจส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางในระยะยาวได้ หากบุตรหลานมีภาวะพร่อมเอนไซม์นี้อยู่ เมื่อได้รับยากลุ่มซัลฟาก็อาจเกิดอันตรายได้นั่นเอง
เนื่องจากยาในกลุ่มนี้มีการแนะนำให้ใช้ในเด็กที่อายุมากกว่า 8 ปีขึ้นไป หากใช้กับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ตัวยาจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ฟัน และสารเคลื่อบฟัน จนทำให้สีของฟันเปลี่ยนไปอย่างถาวร และส่งผลให้กระดูกหยุดการเจริญเติบโตด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่ายากลุ่มนี้จะอยู่ในหมวดของยาบรรเทาอาการหวัดลดไข้ แต่ก็มีข้อบ่งชี้ว่าห้ามใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี และเด็กที่มีอาการป่วยจากเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ และอีสุกอีใส เพราะเมื่อร่างกายของเด็กที่มีเชื้อไวรัสและได้รับยากลุ่มนี้ อาจส่งผลให้เกิดรายส์ ซินโดรม (Reye’s syndrome) หรือภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ร่วมกับภาวะตับวายได้
ยากลุ่มนี้เป็นยาที่หยุดการเคลื่อนไหวของลำไส้ และไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ท้องผูก ปวดท้อง และอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
ยากลุ่มนี้เป็นยากลุ่มกดอาการไอ ห้ามใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ เพราะตัวยาอาจไปกดระบบทางเดินหายใจของเด็กได้ เพราะฉะนั้นควรระมัดระวังในการใช้งาน และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด