Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไร ให้ปลอดภัย และเหมาะสม

Posted By NEve Style | 19 ต.ค. 65
2,490 Views

  Favorite

          การวิ่งเป็นทางเลือกของการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายที่สุด สะดวก และประหยัด แค่มีรองเท้าวิ่งคู่ใจสักคู่ก็เพียงพอแล้ว มีเพื่อนก็วิ่งได้ หรือไม่มีก็วิ่งได้ มีสนามวิ่งก็วิ่งได้ ไม่มีสนามวิ่งก็ยังวิ่งได้ ฝนตกก็วิ่งในที่ร่ม อยากสูดอากาศก็ไปวิ่งในที่แจ้ง วิ่งแข่งก็ได้ วิ่งเก็บระยะ Virtual Run ที่จะวิ่งเมื่อไหร่ วิ่งที่ไหนก็ได้ ง่ายจริง ๆ แต่ในความง่ายของการวิ่ง มันมีเรื่องไม่ง่ายซ่อนอยู่ นั่นคือเรื่องการเลือกรองเท้าวิ่ง

รองเท้าวิ่งถือเป็นทั้งอุปกรณ์หลักของการวิ่ง เป็น Gadget ที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามรายละเอียดในการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และช่วยเสริมให้วิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยปัจจัยที่ใช้ในการเลือกรองเท้าวิ่งนั้นมีด้วยกันหลายข้อ เช่น ลักษณะรูปเท้า พื้นผิวที่วิ่ง หรือเลือกตามประเภทของการวิ่ง เป็นต้น 

 

 

ก่อนเลือกรองเท้าวิ่ง มาทำความรู้จักกับส่วนประกอบของรองเท้าวิ่งกันก่อน

ส่วนที่ 1 Outsole พื้นรองเท้าด้านล่างที่สัมผัสกับพื้น

ส่วนที่ 2 Insole พื้นด้านในรองเท้าที่สัมผัสกับเท้า ช่วยควบคุมการทรงตัว ลดแรงกระแทก ป้องกันการบาดเจ็บต่าง ๆ ซึ่งขอบอกเลยว่าส่วนนี้ล่ะ สำคัญเป็นพิเศษ

ส่วนที่ 3 Midsole ส่วนของรองเท้าที่อยู่ระหว่าง Outsole และ Insole

เมื่อทำความรู้จักกับส่วนประกอบของรองเท้าแล้ว ที่นี้ถึงเวลาที่เราจะมาลองเลือกรองเท้าวิ่งคู่กาย ที่จะช่วยทำให้เราวิ่งสบาย และปลอดภัย

 

วิธีการเลือกรองเท้าวิ่ง 

1. ขนาดรองเท้าต้องพอดีกับเท้า

          คำว่าพอดีเท้าหมายถึงไม่คับ ไม่หลวมจนเกินไป เพราะถ้าหลวมไป มันจะไม่กระชับกับเท้า ใส่ไปอาจปลิวได้ 55 ทีนี้ล่ะ ได้วิ่งแบบสปรินท์แน่ ๆ แต่ถ้าคับเกินไป เจอการสัมผัสเสียดสีในขณะวิ่ง ทำให้นิ้วเท้ากระแทกกับหน้ารองเท้าจนทำให้เกิดอาการห้อเลือดที่เล็บเท้าได้ เอ! แล้วคำว่า รองเท้าวิ่งที่พอดี มันควรเป็นอย่างไร ง่าย ๆ เลยคือ ควรให้นิ้วเท้าที่ยาวที่สุดห่างจากปลายรองเท้าประมาณครึ่งนิ้ว เพื่อให้มีพื้นที่ว่างในส่วนหน้ารองเท้าเล็กน้อย จะได้ไม่เกิดอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง

 

2. พร้อมปะทะ รองรับแรงกระแทกได้ดี

          อย่าลืมว่าในการวิ่งนั้น น้ำหนักส่วนใหญ่มักจะลงที่เข่าและเท้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะการวิ่งนั้นจะเป็นแบบลงน้ำหนักที่ส้นเท้า ฝ่าเท้า หรือปลายเท้า ยังไงก็หนีไม่พ้นการรับแรงกระแทกจากการวิ่งอยู่ดี ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่หนานุ่ม ช่วยลดแรงกระแทก และลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการวิ่งได้

 

3. มีความยืดหยุ่นดี โค้งงอได้ตามรูปเท้า

          สรีระเท้าของคนเรามีเว้า มีโค้ง มีนูน และมีขนาดอุ้งเท้าที่แตกต่างกัน การจะหารองเท้าสักคู่ที่ออกแบบมาให้เหมาะเข้ากับเท้าของเราพอดีเป๊ะ คงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าวิ่งที่มีความยืดหยุ่นสูงไว้ก่อนปลอดภัยกว่า เพราะสามารถปรับโค้งงอให้เข้ากับรูปเท้าของเราได้ดี หากไปเลือกรองเท้าที่สวยถูกใจ แต่มีความแข็งเกินไป ไม่ยืดหยุ่นตามรูปเท้า จะส่งผลให้ในขณะที่วิ่ง กล้ามเนื้อบริเวณนิ้วเท้าและเอ็นร้อยหวายต้องออกแรงมากขึ้น ทำให้ปวดเท้า และอาจจะพาลไปจนถึงกล้ามเนื้อเท้าอักเสบได้ด้วย   

 

4. น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี

          อีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกรองเท้าวิ่งที่ดี คือ ควรมีน้ำหนักเบาและสามารถระบายอากาศได้ดี สำหรับวิธีการเลือกรองเท้าวิ่ง ควรลองสวมใส่ทุกครั้ง เพื่อดูว่ารองเท้ามีน้ำหนักที่เหมาะสมกับตนเองหรือไม่ เพื่อให้ได้รองเท้าที่มีน้ำหนักเบา ช่วยให้วิ่งได้อย่างคล่องตัว เวลาไปซื้อ ขอพนักงานขายลองวิ่งเสียหน่อย แค่วิ่งเหยาะ ๆ ในร้านก็ยังดี ให้ได้สัมผัสรับรู้ถึงน้ำหนักจริงของรองเท้า นอกจากนี้ ควรเลือกรองเท้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น หรือเหงื่อออกจนเกิดการเสียดสีและทำให้บาดเจ็บได้

 

5. เหมาะสมกับพื้นผิวการวิ่ง

          ไลฟ์สไตล์การงานของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนชอบวิ่งในสวนสาธารณะ บางคนชอบวิ่งบนลู่วิ่งที่ฟิตเนส หรือการวิ่งเทรลที่ต้องลุยหมดทุกสภาพพื้นผิว ที่อาจมีทั้งขรุขระตามเส้นทางธรรมชาติ ลุยป่า ฝ่าฝน ปีนภูเขา เมื่อสไตล์การวิ่งมีพื้นผิวที่ต่างกัน การเลือกรองเท้าวิ่งก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับพื้นผิวด้วย จะช่วยให้วิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นการถนอมไม่ให้รองเท้าเสื่อมสภาพได้เร็วอีกด้วย

 

6. เหมาะสมกับประเภทการวิ่ง

          การวิ่งมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การวิ่งเหยาะ ๆ ยามเช้ารับแสงอรุณ วิ่งระยะสั้นแบบ Fun Run 3 - 5 กิโลเมตร วิ่งมินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร หรือการวิ่งมาราธอนที่มีระยะทางยาวไกลกว่านั้น แต่นี่ยังไม่โหดพอ ยังไม่สาแก่ใจเหล่านักวิ่ง เพราะยังมีการวิ่งวิบากที่ต้องตะลุยฝ่าด่านสิ่งกีดขวางทั้งปีน กระโดนข้าม คลาน ฝ่ารั้วลวดหนาม ตลอดจนสิ่งกีดขวางอื่น ๆ ดังนั้นก่อนจะซื้อรองเท้าวิ่ง ถามใจและเท้าของตัวเองก่อนว่า เราต้องการจะวิ่งประเภทไหน แค่ชิล ๆ หรือเอาจริงเอาจังขั้นเทพ หากคำตอบคือวิ่งระยะไกล ควรเลือกรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อปกป้องเท้าให้สามารถวิ่งได้นาน แต่หากเป็นการวิ่งเทรลควรเลือกรองเท้าที่มีปุ่ม เพื่อให้เกาะพื้นผิวได้ดี ที่สำคัญควรเลือกรองเท้าที่หน้าเท้าหนา เพื่อช่วยป้องกันนิ้วเท้าเวลาเตะหิน หรือขูดถูไถไปกับรากไม้ 

 

7. ซื้อรองเท้าให้ถูกเวลา

          ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เวลากับรองเท้าเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ เวลาในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงเวลาที่รองเท้าวิ่งลดราคานะ แต่หมายถึงช่วงเวลาในการไปซื้อรองเท้า ควรเลือกซื้อรองเท้าวิ่งในช่วงเย็น เพราะเป็นเวลาที่เท้าจะขยายใหญ่เต็มที่ เนื่องจากผ่านการใช้งานมาทั้งวัน ซึ่งในการวิ่งจริง ๆ เท้าเราก็จะขยายใหญ่แบบนั้น  ดังนั้นการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งให้ถูกช่วงเวลาจะช่วยให้คุณได้รองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้าในขณะวิ่งจริงนั่นเอง แต่ถ้าถูกเวลาในช่วงลดราคาด้วย อันนี้ก็คือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เพราะได้ของถูกต้องแล้ว ยังได้ราคาที่ถูกใจอีกด้วย  

 

การเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับเท้าของเรา ต้องพิจารณาส่วนไหนบ้าง

1. ความกว้าง  

          ความกว้างของรองเท้าสามารถเปลี่ยนทรงได้ตามรูปเท้าของแต่ละคนซึ่งแตกต่างกัน จึงควรเลือกคู่ที่มีความกว้างเหมาะสม คือเวลาสวมใส่แล้วสามารถขยับเท้าไปมาได้บ้าง ไม่ใช่เบียดชิดติดขอบของพื้นรองเท้า ไม่เช่นนั้นจะเสียดสีและโดนรองเท้ากัดจนเกิดตุ่มพองขณะวิ่งได้

 

2. ความยาว

          ไม่ควรเลือกรองเท้าวิ่งที่ใส่แล้วรู้สึกพอดีเป๊ะ อย่าหลงดีใจ โอ้ว มีคนออกแบบรองเท้ามาเพื่อเราโดยเฉพาะ ช่างเหมือนกับรองเท้าแก้วของซิลเดอเรลล่าเสียจริง ไม่ใช่และแบบนั้น รองเท้าวิ่งที่เหมาะกับเท้าของเราจะต้องมีพื้นที่ให้เท้าขยับขยายได้ทั้งความกว้างและความยาว เนื่องจากเมื่อวิ่งนาน ๆ ฟินไปกับฟิลลิงของการวิ่ง ทำให้เราไม่รู้สึกว่า ณ ตอนนั้น เท้าของเราได้บวมขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อจึงควรเผื่อช่องว่างระหว่างนิ้วเท้าที่ยาวที่สุดกับปลายรองเท้า ที่สำคัญอย่าลืมทดสอบโดยการผูกเชือกรองเท้าให้เรียบร้อยเหมือนกับตอนจะใช้วิ่งจริง ๆ แล้วยืนขึ้น จากนั้นแกว่งนิ้วขึ้นลง ขยับได้สบาย ๆ ไม่เหลือมากไป แต่ก็ไม่คับแน่นเกินไป แล้วลองเอานิ้วจิ้ม ๆ กด ๆ ดูให้พอเหลือพื้นที่

 

3. ส้นเท้า 

          ในเวลาวิ่ง ส้นเท้าของเราควรกระชับกับส้นรองเท้าขณะวิ่ง คือต้องไม่หลวมหรือคับเกินไป หากลองใส่รองเท้าแล้วรู้สึกเจ็บควรหาคู่ใหม่ แม้ว่าจะถูกใจแบบ ยี่ห้อ หรือราคาเพียงใด เพราะตอนลองมันไม่เกิดปัญหา แต่พอวิ่งจริง ๆ บอกเลยว่า เจ็บนี้อีกนาน เจ็บช้ำกว่าเคย และขณะลองแนะนำว่า ให้ร้อยเชือกแบบหลวม ๆ เพื่อทดสอบว่าสามารถถอดรองเท้าออกได้ และให้รอยเชือกถึงรูบนสุดเพื่อล็อคข้อเท้าไว้ไม่ให้รองเท้าเลื่อนไหลจนเสียดสีและแขวะกัดเราได้ในขณะวิ่ง

 

4. หลังเท้า

          เลือกรองเท้าวิ่งที่กระชับและห่อหุ้มบริเวณหลังเท้าได้พอดี ไม่บีบรัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป ใส่แล้วไม่รู้สึกว่าถูกเสียดสี

 

          เพียงแค่นี้ เพื่อน ๆ ที่รักการวิ่งทั้งหลาย ก็สามารถลุยวิ่งสะสมแต้มสุขภาพและความสุขกันได้แล้ว การวิ่งถือเป็นกีฬาที่ใช้อุปกรณ์น้อยที่สุด แต่สิ่งที่ใช้มากที่สุดคือเท้า และหัวใจที่ลุกออกไปวิ่งของเราเอง ปะ ไปวิ่งกัน!   

 

Neve Style

ข้อมูลประกอบบทความ

 

11 วิธีเลือกรองเท้าวิ่งสำหรับมือใหม่ ต้องดูอะไรบ้าง ? stadiumth.com/columns/detail?id=568&tab=thai 

7 วิธีเลือกรองเท้าวิ่ง สำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไรให้ได้รองเท้าวิ่งที่สบาย www.thestreetratchada.com/Blogs/114/how-to-choose-running-shoes#%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2 

 

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • NEve Style
  • 0 Followers
  • Follow