การออกจากเซฟโซนหรือ comfort zone ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ง่าย ความเคยชิน ความสบายมักจะดึงเราให้ออกไปไม่สำเร็จซึ่งนั่นอาจกลายเป็นปัจจัยที่ส่งผลทางลบต่อความมั่นใจของเราในอนาคตได้ ดังนั้นนอกจากความกล้าหาญอย่างมากแล้ว วิธีที่เราจะก้าวออกมาจากเซฟโซนยังต้องไม่เกินตัวและสอดคล้องกับความสามารถที่จะเปลี่ยนของเราด้วย ไม่ใช่ทำไปเพราะถูกสังคมกดดัน

พร้อมที่จะเดินออกจาก comfort zone หรือยัง

คนเราไม่สามารถทำสิ่งเดิม ๆ แล้วหวังให้ผลลัพธ์มันต่างออกไปได้ (เหมือนปลูกต้นมะม่วงก็คงไม่ได้ลูกออกมาเป็นฟักทอง) เหตุผลสำคัญที่คนเรากลัวที่จะเปลี่ยนและทำให้ดีที่สุดก็เพราะกลัวสิ่งที่เราไม่รู้ การเดินไปในที่ใหม่ ๆ ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนอาจทำให้เรารู้สึกกลัวจนเหงื่อออกมือ เพราะว่าเราไม่รู้แน่ชัดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาดีหรือแย่ ทั้งที่สิ่งที่เรากำลังคิดจะเปลี่ยนอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตของเราเลยก็ได้ มันจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่ควรปล่อยให้ความกลัวมาหยุดเราไม่ให้ก้าวขาออกจาก comfort zone 

ไม่ว่าเราจะอยากเรียนให้ดีขึ้น ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ อยากจะสนิทกับพี่ให้มากขึ้น หรือไม่อยากยอมให้เพื่อนมาเอาเปรียบ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องการความเปลี่ยนแปลงก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นคนเราก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาเปลี่ยนทุกอย่างได้เพียงชั่วข้ามคืน การโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อในอะไรสักอย่างอาจเป็นไปได้ยากถ้าไม่มีความจริงอยู่เลย การเดินออกไปจาก comfort zone แบบไม่มีแผน หุนหันพลันแล่น ไม่ตั้งอยู่บนความเป็นจริงอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะทำได้ภายหลัง

บางคนเห็นเพื่อนพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ท้าทายตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เราวาดรูปอยู่บ้าน มันมีความกดดันทางสังคมเยอะมากว่ายิ่งออกจาก comfort zone ก็จะยิ่งดี ยิ่งเก่ง แต่ความจริงแล้วเงื่อนไขชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การอยู่ใน comfort zone ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป มันก็มีข้อดีของมันอยู่คือทำให้จิตใจเราสงบ สบายใจ ประสาทไม่กิน ซึ่งตรงกันข้ามกับการออกจาก comfort zone ที่จะทำให้เราต้องรู้สึกเหมือนสู้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นต้องประเมินก่อนว่าตัวเราพร้อมแค่ไหน หากเราอยู่บ้านวาดรูปทั้งวันเพราะอยากเข้าคณะสถาปัตย์ฯ เราก็กำลังพัฒนาทักษะและความรู้เหมือนกัน ซึ่งมันก็โอเคแล้ว เพื่อนที่เขาเดินสายประกวดล่ารางวัลเขาก็อาจกำลังพัฒนาในแบบของเขา แต่มันไม่ได้แปลว่าในอนาคตเราจะไม่ทำแบบนั้นบ้างเพียงแค่ตอนนี้เราชอบฝึกวาดรูปอยู่ เป็นต้น 

มาเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละน้อย เดินออกไปจาก comfort zone อย่างมั่นคงและสง่าให้มงลงกันดีกว่า !  

4 สเต็ปก้าวออกจาก Comfort Zone ให้มงลง 

เว็บไซต์วิทยาศาสตร์สุขภาพชื่อดัง PositivePsychology ได้นำเสนอแมพของการก้าวออกจาก comfort zone ไว้ว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้างเพื่อให้เราได้เห็นภาพกว้างของการเดินออกจากพื้นที่ปลอดภัยและรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

Comfort Zone พื้นที่ปลอดภัยที่ไร้การพัฒนา 

comfort zone หรือพื้นที่ปลอดภัย คือ การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เราคุ้นชินกับมัน ทำมานานและไม่เคยเปลี่ยนแปลงจนทำให้เราเกิดการจมปลักกับสิ่งเดิม ๆ ทำให้เราไม่กล้าท้าทายตัวเองที่จะทำสิ่งที่แตกต่างหรือทำให้ตัวเองเติบโตจากการกล้าทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เช่น เราไม่กล้าเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนใหม่แม้เพื่อนกลุ่มนี้จะชอบดูถูกเราเสมอ เพราะเราคุ้นเคยกับการมีเพื่อนแย่ ๆ และคิดว่าการมีเพื่อนห่วย ๆ ก็ดีกว่าการไม่มีเพื่อนเลย หรือบางทีมันคือการยึดติดกับบางอย่างเพราะมันสบาย ทำให้การพัฒนาด้านอื่น ๆ หยุดลงในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง  

Tips: อนุญาตให้ตัวเองทำบางอย่างออกมาไม่ได้เรื่อง

เมื่อคนเราคิดอยากจะทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นชิน ความคิดที่ว่า ‘ฉันต้องทำพังแน่’ จะผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ดังนั้นให้เราคิดไว้เลยว่าโอเคนะ ครั้งแรกมันจะออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็ช่างมัน เป้าหมายของเราคือการทำซ้ำ ๆ ไม่ใช่การทำออกมาแล้วเป๊ะเลย โอกาสที่เราจะก้าวออกไปสำเร็จอยู่ที่ 50-50 เมื่อเราทำอะไรซ้ำ ๆ ทุกวันนั่นแปลว่าเรากำลังสร้างวิถีประสาทขึ้นในสมองสำหรับนิสัยใหม่ที่จะทำให้เราออกจาก comfort zone แล้วเมื่อเราสร้างวงจรวินัยที่แข็งแรงในสมองแล้วนั่นคือ เวลาทองที่นิสัยใหม่ของเราจะเริ่มขยายออกอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วการหยุดทำสิ่งนั้นจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเราแล้ว  

Fear Zone พื้นที่แห่งความกลัว

เมื่อเรากล้าออกจาก comfort zone ได้แล้ว เราจะเริ่มเข้าสู่พื้นที่แห่งความกลัว เราจะกลายเป็นคนขี้กลัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เราจะเริ่มกลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา เก็บคำพูดของคนอื่นมาคิด หมดความมั่นใจในตัวเองและเริ่มหาข้ออ้างที่จะไม่ทำมันต่อ หรือพื้นที่แห่งความกลัวอาจหมายถึงความรู้สึกที่ว่าไม่มีใครรัก ไม่ดีพอสำหรับใครหรือไร้ค่า ทำให้คนเราออกจาก comfort zone ไม่สำเร็จ

Tips: เล่นกีฬาสักอย่างหนึ่ง

เวลาที่เรากลัวอย่าจมอยู่กับมัน ไม่ว่าน้อง ๆ จะเป็นคนที่ไม่ชอบเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเลยก็ตาม ขอแนะนำว่าให้เริ่มเล่นกีฬาสักอย่างหนึ่ง จะไปตีแบด วิ่ง เตะบอล หรือเล่นบาสก็ได้ เพราะกีฬาคือเครื่องมือสร้างเกราะให้จิตใจของคนเราเข้มแข็งทั้งกายและใจ กีฬาสามารถเปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนทัศนคติมุมมองต่อความหมายของความมั่นใจให้สูงขึ้น กีฬาสอนให้กล้าคิด กล้าทำและยืนหยัดในความคิดของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องเล่นกีฬาเพื่อที่จะเดบิวต์ไปเป็นอีเลียด คิปโชเก้ หรือว่าดาวยิงของปารีสอย่างแซงต์ แชร์กแมง เพราะกีฬาช่วยขัดเกลาคนธรรมดาให้เป็นคนที่อดทนและพยายามได้ 

Learning Zone พื้นที่แห่งการเรียนรู้

เมื่อเราเอาชนะ fear zone ความกลัวที่จะล้มเหลวต่าง ๆ มาได้ เราจะเข้าสู่ learning zone คือการเลือกที่จะสู้เขาสิวะอีหญิง ! เราจะหาวิธี วางแผน หาทางแก้ปัญหาที่เราเจอด้วยการเรียนรู้สกิลใหม่ ๆ ด้วยตัวเองหรือจากคนอื่นที่จะทำให้เราสามารถผ่านปัญหานั้น ๆ ไปได้ แต่ก็อาจจะทำให้เรากลับเข้าสู่ comfort zone ได้เมื่อเราลองทำแล้วผลลัพธ์มันออกมาไม่ดีตามที่หวัง   

Tips: พลังของคำว่า ‘ยัง’

หากเจอกับเรื่องยาก ๆ พยายามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่เจอทางออกให้เราสร้างวิธีคิดที่รวมเอาคำว่า ‘ยัง’ เข้าไปในทัศนคติของเรา ให้พูดกับตัวเองว่า ‘ฉันยังทำไม่ได้’ แทนที่จะพูดว่า ‘ฉันทำไม่ได้’ คำพูดเพียงแค่คำเดียวสามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราเกี่ยวกับความล้มเหลวให้เป็นการพัฒนาไปข้างหน้าโดยการใช้คำว่า ‘ยัง’ (Yet ในภาษาอังกฤษ) ได้ถูกทำการวิจัยโดย Dr.Carol Dwec ในเด็กมัธยมปลาย ซึ่งพบว่าเด็กที่ครูพูดว่า ‘ยัง’ ด้วยบ่อย ๆ จะเป็นเด็กกลุ่มที่รักความท้าทาย มากความพยายามกว่าเด็กที่ไม่เคยได้รับคำว่า ‘ยัง’ จากครู 

Growth Zone พื้นที่แห่งการเติบโต 

หลังจากรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ด้วยการเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว เราจะเข้าสู่ growth zone โซนนี้จะเป็นโซนที่เราจะได้รู้สึกถึงความสำเร็จ แรงบันดาลใจเหมือนกำลังได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการในสภาพแวดล้อมใหม่ ตัวเราคนใหม่ทำให้ทุกอย่างเอื้อต่อการตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ในชีวิต โดยเราจะมองเห็นไอเดีย เป้าหมายอื่น ๆ ในชีวิตที่จะทำให้เราก้าวหน้าไปอีกขั้น ซึ่งความสำเร็จนี้อาจจะไม่ใช่เงินทองหรือว่าชื่อเสียง เราสามารถนิยามความสำเร็จของเราได้ เช่น เราประกวดร้องเพลงชนะ ความสำเร็จอาจไม่ใช่ชื่อเสียงแต่เป็นการได้รับการยอมรับจากพ่อแม่เพื่อให้ท่านยอมให้เราเรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง เป็นต้น 

Tips: อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง

สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราดั้นด้นทำมาจนสำเร็จก็จะกลายเป็น comfort zone ใหม่ของเรา เราอาจกลับไปสู่ comfort zone อีกครั้ง แต่เราจะกล้ามากขึ้น พร้อมมากขึ้นที่จะรับมือกับสิ่งที่เราไม่ถนัด เหงื่อก็จะไม่ออกมือมากเหมือนครั้งก่อน ๆ เพราะเราเคยผ่านมันมาแล้ว ใช้สิ่งนี้ย้ำเตือนกับตัวเองว่า เราก็มีดี มีความสามารถไม่แพ้ใคร และจะยืนหนึ่งต่อไปบนทุกเส้นทางที่เราเลือกเดิน 

บทความที่เกี่ยวข้อง

• เคล็ดลับพัฒนาตัวเองของ 'Late Bloomer' คนที่ประสบความสำเร็จช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

• รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยการพัฒนาบุคลิกผ่าน 'สี' ตัวเราคือสีอะไร ?

• วิธีปรับ Mindset ปลุก Passion ปลดล็อคความสามารถเจ๋ง ๆ ในตัวเอง

• เคล็ดลับที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนชอบลงมือทำจาก Stanford

• เคล็ดลับการตัดสินใจให้ไม่พลาดโอกาสที่ดีที่สุด ไร้อาการ 'FOBO'

• 30 วิธีพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ เพิ่มความครีเอทีฟให้เต็มสิบ

• ความฉลาด 9 แบบที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา เราฉลาดแบบไหนกัน

• ฮาวทูปลุกพลังในตัวเอง ช่วยเพิ่มแรงกระตุ้น ทำให้ฝันเป็นจริงได้

• รู้จัก 'Impostor Syndrome' โรคคิดว่าตัวเองไม่เก่ง พร้อมเคล็ดลับเอาชนะมัน !

• ‘AQ’ ทักษะจำเป็นในวันที่โลกหมุนเร็วจนตามไม่ทัน

• 12 Soft Skills สำคัญที่ควรมีติดตัวก่อนเรียนจบ

• Soft Skills สุดเจ๋งที่ซ่อนอยู่แต่ไม่รู้ตัวของคนทั้ง 12 ราศี

• 5 วิธีเป็นคนรอบรู้ อัปความรู้รอบตัวให้มากขึ้น

• 4 ความกล้าที่มีแล้วดี ช่วยพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นได้

• เคล็ดลับที่จะทำให้เราเก่งขึ้น 1% ทุกวัน

แหล่งข้อมูล

- The power of yet | Carol S Dweck | TEDxNorrkoping 

- How to Leave Your Comfort Zone and Enter Your ‘Growth Zone’