Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Empathy vs Sympathy เราเข้าใจการมีความเห็นอกเห็นใจดีหรือยัง

Posted By Plook Magazine | 10 ธ.ค. 64
11,769 Views

  Favorite

ความเห็นอกเห็นใจถูกนำมาพูดถึงบ่อย ๆ ว่ากันว่ามันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยกู้โลก เชื่อมคนสองคนเข้าด้วยกันและนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง มันคือการชวนให้เราได้ลองเป็นคนอื่นเพื่อที่จะเข้าใจและรู้สึกแบบที่เขารู้สึกอย่างลึกซึ้ง ซึ่งหากเราไม่เข้าใจมันอย่างแท้จริงก็อาจนำไปสู่การปฏิบัติที่ผิดจนทำให้อีกคนรู้สึกว่า 'เราสงสารเขามากกว่าเห็นอกเห็นใจเขาด้วยใจจริง' 

 

 

ตัวอย่างของ Empathy vs Sympathy 

Cr.freepik/cookie_studio

 

ขอยกตัวอย่างความแตกต่างกันระหว่าง Empathy vs Sympathy ในกรณีที่ A สอบปลายภาควิชาประวัติศาสตร์ไม่ผ่าน ทำให้เกรดเฉลี่ยรวมของเขาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เมื่อกลับบ้านไปก็โดนคุณแม่ดุที่พลาดไปแค่คะแนนเดียว ทำให้ A เครียดมาเป็นอาทิตย์เพราะเสียใจที่แม่มองไม่เห็นความพยายามของเขาและกำลังนั่งร้องไห้ในห้องสมุด 

 

Sympathy: เราเข้าใจแกนะ ฟังดูแย่มากอ่ะ แต่อย่างน้อยแกก็ไม่ใช่คนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดของห้องเหมือนนาย B นะ เดี๋ยวเทอมหน้าเราช่วยติวให้ปัง ๆ เพราะงั้นเลิกเศร้าได้แล้ว ไปกินข้าวกัน

มันคือการที่เรารับรู้ เข้าใจและอิน บางครั้งอาจจะมีการแสดงออกทางคำพูดเพื่อเป็นการปลอบใจผ่านมุมมองและความคิดของตัวเราเอง ให้คำแนะนำร้อยแปดเพื่อช่วยให้เขาแก้ปัญหา หายเศร้าไว ๆ พูดเชิงเปรียบเทียบให้เห็นถึงสิ่งที่แย่กว่าเพื่อทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น หรือพูดตัดบทไปเรื่องอื่นเลย  

 

 

Empathy: เราเข้าใจนะว่าทำไมแกถึงรู้สึกแบบนั้น เราอยากให้แกรู้ว่าแกไม่ได้อยู่คนเดียว แกยังมีเราอยู่นะ เราเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน แต่เราขอบคุณนะที่เล่าให้ฟัง เพราะงั้นแกเล่ามาให้หมดได้เลยนะสิ่งที่แกกำลังรู้สึก เราจะรับฟังเอง

มันคือการที่เรารับรู้และเข้าใจถึงความรู้สึกของเขาผ่านมุมมองของเขาเอง จิตใจของเราก็ยังเป็นตัวของเราอยู่ อยู่บนความเป็นกลาง ฟังด้วยใจ ฟังแบบไม่อคติและไม่ตัดสิน ทำให้เขารู้สึกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ไม่เร่งรีบให้เขาต้องแก้ปัญหาให้เร็วหรือกลับมาเป็นปกติได้ไว แต่เป็นความเมตตาอย่างหนึ่งที่เราจะมีให้เขาได้ แล้วค่อยหาวิธีแก้ทีหลังเมื่อจิตใจเขาพร้อมกว่านี้ 

 

 

Be Empathy not Sympathy
เห็นใจไม่ใช่สงสาร

Cr.freepik/wayhomestudio

 

บางคนอาจถามว่า แล้วเราจะทำยังไงดีเพื่อที่จะเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ ไม่เผลอไปแสดงออกด้วยความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจมีอะไรเป็นองค์ประกอบสำคัญ เราอยากให้น้อง ๆ ลองนึกถึงกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย กลุ่มคนที่ทำงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั่วโลก หรือหมอ พยาบาล ลองนึกถึงผู้ป่วยระยะสุดท้ายหลายพันคนที่พวกเขาต้องช่วยเหลือทุกวัน หลายคนเป็นโรคร้ายที่ไม่รักษาหายพวกเขารู้ตัวว่าจะไม่มีทางกลับมาเป็นปกติ สิ่งที่ผู้ดูแลต้องทำก็คือเข้าใจและตัดสินใจตามรูปการณ์ของแต่ละเคสว่าจะช่วยเหลือเขาอย่างไรอย่างมีสติ ไม่ใช่พอเจอเรื่องนี้แล้วก็อินมากจนหดหู่ขึ้นมาในใจ หรือคิดไปว่าทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลย กลายเป็นคนมองโลกในแง่ลบแล้วด้อยค่าศักยภาพของตัวเองจนถอดใจไปในที่สุด

 

ความเห็นอกเห็นใจในตัวมันเองก็มีข้อเสีย เพราะการเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเราถลำลึกมากเกินไป เห็นใจอย่างไร้สติ นอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว เราอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เราต้องรู้จักใช้มุมมองของคนเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันให้เดินไปข้างหน้า ความเห็นอกเห็นใจอาจก่อความรู้สึกอินจัดรุนแรงเกินต้าน ทำให้เราลงมือทำ หาทางออก ยอมเหนื่อย ยอมสละเวลาและร่างกายของเราออกไปทำอะไรสักอย่างด้วยความรู้สึกเชื่อมั่น นั่นคือองค์ประกอบสำคัญของความเห็นอกเห็นใจที่มีสติไม่วกกลับมาทำร้ายตัวผู้เห็นอกเห็นใจเอง

 

Cr.freepik/ katemangostar

 

เราจะพัฒนาทักษะความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้ยังไง 

ปีเตอร์ ลาสเตอร์ (Peter Lauster) นักจิตวิทยาชาวเยอรมันได้กล่าวถึง 10 วิธีที่จะช่วยพัฒนาความเห็นอกเห็นใจ ดังนี้
 

1. ตื่นตัวรับรู้ รู้ทันอารมณ์ความต้องการของตัวเองอยู่เสมอและพยายามหมั่นสังเกตรับรู้อารมณ์ของคนอื่น

 

2. รับฟังสิ่งที่คนอื่นพูดให้จบก่อน ถ้าไม่เข้าใจให้ถามก่อนจะตัดสินใจ

 

3. ลองสังเกตผู้คนบนถนน ในร้านอาหาร บนรถประจำทาง ว่าเขาน่าจะมีสภาวะอารมณ์อย่างไรและแสดงออกอย่างไรบ้าง

 

4. อย่าตัดสินคนอื่นจากแค่ภายนอก เราต้องได้ลองพูดคุยหรือสอบถามเขาก่อนเพื่อรับรู้สิ่งที่อยู่ภายในใจของเขา

 

5. เวลาดูหนังหรือดูซีรีส์ ให้ลองปิดเสียงเเล้วเดาว่าเขากำลังพูดคุยอะไรกันอยู่จากการดูท่าทาง

 

6. ระหว่างที่คุยกับคนอื่นแล้วพบว่าเขามีความเห็นไม่ตรงกับเรา ลองคิดดูว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น

 

7. ถามตัวเองว่าในบางสถานการณ์ทำไมเราถึงทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบอื่น อะไรอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เราทำในสิ่งที่เราทำ เมื่อเรารู้และฝึกบ่อย ๆ มันจะง่ายที่จะเข้าใจผู้อื่นเมื่ออยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

 

8. หากเราไม่ชอบใครพยายามหาเหตุผลให้ได้

 

9. ก่อนตัดสินคนอื่นให้มองหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดที่จะทำให้รู้ได้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น สาเหตุมันมาจากอะไร แล้วมันจะช่วยให้เราไม่ตัดสินคนอื่นและแสดงออกต่อเขาได้เหมาะสมขึ้น

 

10. จำไว้ว่าพฤติกรรมของคนเราขึ้นอยู่กับอารมณ์ 

 

นอกจากนี้การฝึกการกระตุ้นระบบประสาทผ่อนคลาย (Vagus Tone) เช่น การฝึกหายใจเข้าท้องพอง การฝึกหายใจออกท้องยุบ โยคะ การร้องเพลงชิลล์ ๆ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยซึมซับการช่วยเหลือ การแบ่งปันและการใส่ใจ เช่น ช่วยเพื่อนทำงาน ทำงานบ้าน บริจาคของ เล่นเกมบัดดี้ เป็นต้น เพราะในงานวิจัยพบว่าคนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมักจะมีระบบประสาทแบบอัตโนมัติผ่อนคลายสูงกว่าคนปกติ


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดามใจคนข้างกายด้วย Empathy แล้วใช้ Solidarity รักษาแผลสังคม (01)

Toxic Positivity อีกด้านของการคิดบวกที่พร้อมเฆียนตีเรา

Deep Conversation คืออะไร เกี่ยวข้องกับความสุขของคนเราจริงหรือ ?

เป็นผู้ฟังที่ดี รู้จักคนตรงหน้าให้มากขึ้นด้วยเทคนิค Deep Listening

การเป็นผู้ฟังที่ดี หนึ่งในทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น

คุณคือ Taker หรือว่า Giver ? วิธีเป็นผู้ให้ที่ไม่โดนใครเอาเปรียบและปังเสมอ

เป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย จะรับมือกับอารมณ์ตัวเองยังไงดี

เพื่อนเป็นโรคซึมเศร้า จะคุยกับเพื่อนยังไงดี ?

เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกันกับเพื่อนประจำ จะทำยังไงให้ไม่ทะเลาะกัน

Emotional Agility ทักษะการจัดการอารมณ์ให้สมดุลจากนักจิตวิทยา

6 เคล็ดลับสร้างภูมิคุ้มกันต้านความเศร้าจาก TED Talks


 

แหล่งข้อมูล

- Brene Brown on Empathy

- Compassion and the true meaning of empathy

- การศึกษาและพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักเรียนวัยรุ่น

 
 
 
 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow