อาการ ผิวเครียด เป็นโรคทางจิตวิทยาผิวหนัง (Psychodermatology) เกิดจากสภาวะของจิตใจหรือความเครียดที่ส่งผลโดยตรงต่อสภาพของผิวพรรณ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นอาการหนึ่งของโรคภูมิแพ้ ซึ่งรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย เพราะต้นตอของอาการนั้นมาจาก ความเครียด
ผลกระทบของความเครียดที่ส่งผลต่อผิวหนัง
1. ความเครียดไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรารู้จักกันในนามของฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมามากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล ส่งผลเสียต่อกระบวนการทำงานของร่างกายและผิวพรรณ ทำให้ผิวหนังเกิดเป็นผื่น ระคายเคือง เป็นสิว ติดเชื้อได้ง่าย
2. ฮอร์โมนความเครียดไปกระตุ้นการหลั่งเมลาโนไซด์ สติมูเลติง ฮอร์โมน (Melanicyte Stimulating Hormone หรือ MSH) ซึ่งส่งผลต่อการสร้างเม็ดสี (Melanin) ทำให้หน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ เข้มขึ้นได้ ดังคำโบราณบอกว่าหน้าดำคร่ำเครียด
3. ความเครียดส่งผลยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาวหรือโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ทำให้ผิวเกิดความแห้งกร้าน สิว ริ้วรอยก่อนวัยและความหย่อนคล้อยได้
อาการผิวเครียด หากยิ่งสะสมเป็นเวลานานมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมามากขึ้นเท่านั้น หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี
แนวทางสำหรับรับมือกับอาการผิวเครียด
1. เริ่มจากการดูแลตัวเองจากภายในคือ พยายามลดความเครียด หรือออกห่างจากสิ่งที่ทำให้เครียด หาวิธีการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เช่น การใช้กลิ่นหอมบำบัด ดนตรีบำบัด สวดมนต์นั่งสมาธิ
2. ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะ พิลาทิส เต้นรำ
3. หากิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ
4. ดูแลอาหารการกิน เลือกอาหารที่มีประโยชน์เน้นกลุ่มโปรตีน และไขมันดี อย่างเช่น โอเมก้า 3, น้ำมันมะกอก, ไขมันจากถั่ว เพราะเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างฮอร์โมนต้านความเครียด รวมถึงอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
5. หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
6. ดูแลตัวเองจากภายนอก ให้ความสำคัญการดูแลผิวเพิ่มเติมจากขั้นตอนปกติ เช่น การใช้โทนเนอร์, อิมัลชั่น, เซรั่ม และเฟซ มาส์ก อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
การที่ต้องเวิร์คฟอร์มโฮมเป็นอะไรที่เราต้องปรับตัวเยอะพอสมควร หลายครั้งต้องพบเจอปัญหาหรืออุปสรรค์ในการทำงานที่ทำให้เราเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว บางครั้งนอนไม่พอ ผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใส ดังนั้นเราจึงต้องดูแลตัวเองให้มากกว่าเดิม