ก่อนที่คุณเมล ร็อบบินส์จะมาเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เธอเคยอยู่ในจุดที่สิ้นหวังในชีวิตมาก่อน เธอในวัย 40 ประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก รายการโทรทัศน์ที่เธอเป็นผู้ดำเนินรายการอยู่ถูกยกเลิก สามีของเธอที่ทำธุรกิจร้านอาหารก็บริหารร้านเจ๊งไม่เป็นท่า เธอต้องเผชิญกับหนี้ก้อนโตในขณะเดียวกันก็มีลูกให้ต้องดูแล ทำให้เธออยู่ในจุดที่โกรธสามีมากจนชีวิตคู่ก็ร่อแร่แทบจะล้มไปตาม ๆ กัน
เธอโกรธทุกคนเพราะคิดว่าพวกเขาไม่ยุติธรรมกับเธอแต่ก็ไม่ยอมทำอะไรให้ดีขึ้น บวกกับปัญหาสุขภาพจิตที่เริ่มถาโถม แม้แต่การตื่นให้ตรงเวลาเพื่อมาส่งลูกไปโรงเรียนให้ทันซึ่งเคยเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเธอ เธอก็ยังทำไม่ได้ แม้จะบอกตัวเองก่อนนอนว่าพรุ่งนี้จะตื่นเช้ามาส่งลูก แต่พอนาฬิกาปลุกดังขึ้น เธอก็กดปิดแล้วนอนต่อเหมือนเดิม
วันหนึ่งเธอดูโฆษณาที่เสนอภาพจรวดกำลังถูกปล่อยจากฐาน มันทำให้เธอคิดถึงเสียงนับถอยหลังตอนปล่อยจรวด 5 4 3 2 1 เธอเลยบอกตัวเองว่า “เอาละ พรุ่งนี้ฉันจะลุกจากเตียงเหมือนจรวดถูกปล่อยตัว พอ 5 4 3 2 1 ปุ๊บ ต้องเด้งตัวออกจากเตียงทันที” แล้วเธอก็ทำได้จริง เธอเริ่มจากการลุกจากเตียงอย่างไม่อิดออด แล้วค่อย ๆ ขยับเป็นการหางานทำ จนประสบความสำเร็จกลายมาเป็นนักพูดและนักเขียนชื่อดังอย่างทุกวันนี้
ออกไปทำสิ่งต่าง ๆ ให้เหมือนยิงจรวดออกจากฐาน
หลายคนอาจจะแย้งว่า เห้ย ! มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ แค่นับ 5 4 3 2 1 แล้วลุกไปทำสิ่งที่ต้องทำ แต่เบื้องหลังการนับถอยหลังนี้มันมีความจริงหลายอย่างซ่อนอยู่ที่บอกให้รู้ว่ามันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ คุณเมลเดินทางไปทั่วอเมริกาเพื่อพูดคุยกับผู้คนที่กำลังรู้สึกติดขัด ไม่มีความสุขในชีวิตจนพบว่าพวกเขาไม่พอใจกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต ตั้งแต่อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า อยากลดน้ำหนัก อยากดูดีขึ้น อยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับท็อป แต่พวกเขาไม่เลือกอะไรสักอย่างที่เป็นเป้าหมายเพราะความเคยชิน และนั่นคือปัญหา มันคือการที่เรารู้อยู่เต็มอกว่าเรามีปัญหาอยู่แต่ไม่เลือกที่จะแก้ไขสักอย่างเดียว
คุณเมลบอกว่าที่เราทำไม่ได้เพราะสมองที่เป็นตัวควบคุมสั่งการความคิดและการกระทำของคนเรานั้นมักขี้เกียจ มันจะสั่งให้เราทำแต่สิ่งเดิม ๆ เพราะมันชอบทำให้เวลาที่เราอยากเปลี่ยนแปลงหรือทำอะไรใหม่ ๆ สมองจะหาทางต่อต้านและ “ชัตดาวน์” ไอเดียนั้นไป ทำให้แม้เราจะมีความคิดที่จะอยากเปลี่ยนแปลงแต่มันก็ทำได้ยากยิ่งเมื่อสมองของเราชอบทำอะไรเดิม ๆ สมองโหมดนี้เรียกว่าโหมด Autopilot เหมือนอย่างที่นักบินปล่อยให้เครื่องบินบังคับตัวเองไปจนถึงจุดหมายโดยที่นักบินไม่ได้เข้าไปควบคุม เช่น เรากำลังลดน้ำหนักและตั้งใจจะไม่ดื่มน้ำหวานแต่เมื่อไหร่ที่เห็นร้านน้ำเจ้าประจำ เราก็จะเคยชินและยอมแพ้ด้วยการสั่งโกโก้ปั่น หรือเราอยากจะตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนแต่ก็ปิดนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่อเพราะชินแล้วกับการปล่อยให้โหมด Autopilot ชนะทุกที
It's simple but not always easy.
สิ่งที่เรียบง่าย แต่ทำไม่ง่าย
การนับถอยหลังจึงเหมือนการหยุดและต่อต้านสมองก่อนที่มันจะหาทางฆ่าไอเดียที่เราอยากทำและสั่งการให้เราทำตามความเคยชินตามโหมด Autopilot ซึ่งแม้จะเป็นคำแนะนำที่ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า It's simple but not always easy. คือมันเป็นอะไรที่เรียบง่ายนะแต่ว่าทำได้ยาก โดยเฉพาะกับเรื่องที่เราไม่อยากทำแม้เราจะนับถอยหลังจาก 100-1 มันก็อาจจะไม่เวิร์คก็ได้ แต่ถ้าเราทำได้มันคือการที่เราจะได้ฝึกหนึ่งทักษะที่สำคัญมากในชีวิตนั่นคือ ‘ความอดทน’ เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จลุล่วงเราต้องทำทั้งสิ่งที่อยากทำและไม่อยากทำให้ได้ ซึ่งคนที่มีความอดทนอดกลั้นในการรอได้มากกว่า นอกจากจะมีผลการเรียนที่ดีกว่าแล้ว ยังมีรายได้ดีกว่า มีชีวิตคู่ที่ดีกว่าอีกด้วย และนี่คือเทคนิคที่จะช่วยให้เรามีความอดทนและบอกลานิสัยผัดวันประกันพรุ่งได้จริง !
ควบคุมตัวเอง
สำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน แผนระยะสั้นอย่างการตื่นนอน เข้านอน กินข้าวให้ตรงเวลา อ่านหนังสือ ทำงานบ้าน ทำการบ้าน ในหมวดหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบให้เราลุกขึ้นมาทำทันที ไม่ต้องรออะไรทั้งสิ้น มันคือการที่เมื่อเรานึกอะไรขึ้นได้แล้วเราก็ต้องลุกไปทำทันที ใช้แรงกายที่ลุกขึ้นส่งสัญญาณให้แรงใจและอารมณ์ตื่นตัวไปด้วย เพื่อเป็นการปิดระบบการทำงานโหมด Autopilot ซะ มันจะได้ไม่พาเรากลับไปนอนต่อ ลุกขึ้นมาตั้งไข่ทั้งที่เราไม่มีความรู้สึกอยากทำนั่นแหละ
ทำไปก่อน ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
หากการทำบางอย่างไม่ได้สร้างความเสียหายหรือมีผลกระทบด้านลบ อย่างการออกกำลังกาย ทำงานศิลปะ ลองทำอาหาร เรียนภาษาที่สาม ทักคนที่ชอบ ไปแข่งประกวดต่าง ๆ ฯลฯ ถ้าหากผิดหรือมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเราชอบ ไม่ชอบอะไรได้ประสบการณ์ที่มากกว่าแค่คิดในหัว การทำแบบนี้จะทำให้เราขยับเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นทีละนิดด้วยซ้ำ เพราะถ้าเรามัวแต่รอให้เรามีเป้าหมายหรือแรงบันดาลใจ เราอาจจะไม่มีวันได้ลงมือทำเลยก็ได้
นับ 5 4 3 2 1 แล้วลุกขึ้น
สมมติว่าเรานั่งเล่นเกมอยู่แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าต้องไปล้างจาน เคล็ดลับไม้ตายก็คือสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วนับเลขถอยหลัง 5 4 3 2 1 แล้วลุกขึ้นไปล้างจานตามที่แม่สั่งไว้ทันที อย่าปล่อยให้มันนานเกิน 5 วินาทีหลังจากที่นึกได้ เพราะหากเราไม่ทำ ณ ตอนที่นึกได้ เราก็อาจลืมล้างจานไปเลยหรือไม่ได้ล้างจานไปเลย การนับถอยหลังคือการแตะเบรกทางความคิดให้สมองได้ทำหน้าที่ของมันไป ไม่ใช้โหมดเคยชินจนไม่ได้การได้งานนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
• เคล็ดลับบอกลานิสัยขี้เกียจ พร้อมเทนิสัยผัดวันประกันพรุ่งทิ้งไปด้วย !
• If-Then Plans การวางแผนที่จะช่วยแก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่งให้ดีขึ้นได้
• เคล็ดลับพัฒนาตัวเองของ 'Late Bloomer' คนที่ประสบความสำเร็จช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
• 18 เคล็ดลับที่จะช่วยให้เราบาลานซ์ชีวิตให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน
• เคล็ดลับในการสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้ไม่แผ่วปลาย
• เทคนิคการแบ่งเวลาแบบ ‘มะเขือเทศ’ ที่จะช่วยให้การโฟกัสเป็นเรื่องง่ายขึ้น
• ทำไมถึงอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ยิ่งอ่านยิ่งไม่มีสมาธิ ?
แหล่งข้อมูล
- How to stop screwing yourself over