Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

5 บทเรียนราคาแพง ‘ความรักก็เหมือนผีเสื้อ’ จากซีรีส์ Nevertheless

Posted By Plook Magazine | 10 ก.ย. 64
20,093 Views

  Favorite

เปิดตัว Ep.1 พร้อมกับความดังเป็นพลุแตกกับซีรีส์เกาหลีเรื่อง 'Nevertheless' รักนี้ห้ามไม่ได้ ซีรีส์โรแมนติกสร้างจากเว็บตูนที่ออกอากาศเพียงตอนเดียวก็ติด Top 10 ใน Netflix ประเทศไทย ทำให้ได้พระเอกว่าที่สามีแห่งชาติคนใหม่ 'ซงคัง' ประกบคู่มากับ 'ฮันโซฮี' ที่เคมีเข้ากันดี๊ดี บวกกับเรื่องราวชวนให้ลุ้นตามบนความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits ที่สุดท้ายทั้งคู่ก็พบว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันมันมากกว่าแค่คู่นอน นำมาซึ่งบทเรียนของความรักที่น่าสนใจมากมาย

 

“ไปดูผีเสื้อกันไหม”

 

น่าจะเป็นประโยคที่ถ้าได้ยินเมื่อไหร่หลายคนก็จะนึกถึงซีรีส์เรื่อง 'Nevertheless' รักนี้ห้ามไม่ได้ คล้าย ๆ กับเวลาที่เราได้ยินประโยค “ใครฆ่าประเสริฐ” ในหัวเราก็จะนึกถึงละครเลือดข้นคนจางโดยอัตโนมัติ เพราะประโยคที่ดูเหมือนจะใส ๆ อย่าง “ไปดูผีเสื้อกันไหม” ที่จริงเป็นประโยคที่แฝงความหมายทะลึ่ง ๆ ของพระเอกอย่าง ‘พัคแจออน’ ที่เป็นหนุ่มหล่อ รวย แบดบอย โซล สายรักสนุกแต่ไม่คิดจะผูกพันกับใคร ผู้มีรอยสักรูปผีเสื้อสุดเซ็กซี่ประทับอยู่บนต้นคอ และเขามักใช้เป็นประโยคไม้ตายชวนสาว ๆ ไปบ้านตามสูตรของหนุ่มสายรักสนุก ซึ่งตัวพัคแจออนมีความชื่นชอบในผีเสื้อเป็นพิเศษ เขาได้ให้ความหมายของรอยสักรูปผีเสื้อบนต้นคอของตัวเองเอาไว้ว่า

 

‘ความน่าเกลียดและความเจ็บปวดของความสุขและขาดอิสรภาพ 
นั่นเป็นความหมายของรอยสักรูปผีเสื้อ’ 

 

ทำให้ซีรีส์เรื่อง Nevertheless มี ‘ผีเสื้อ’ เป็นธีมหลักในการเล่าเรื่องเชิงเปรียบเทียบ ทำให้เราเห็นแง่มุมใหม่ ๆ เกี่ยวกับผีเสื้อที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับความรักว่ามันเหมือนความรักอย่างไร จึงไม่แปลกที่นางเอกของเรื่องก็ยังชื่อ ‘นาบี’ ที่แปลว่า ‘ผีเสื้อ’ นั่นเอง มาดูกันว่าความรักในแง่มุมที่เหมือนผีเสื้อนี้มันจะเหมือนยังไงและ ในแง่ไหนบ้าง บนพื้นฐานทางชีววิทยาของผีเสื้อนิด ๆ ที่เราได้ทำการรีเสิร์ชมาให้ บวกกับการถูกนำมาตีความใหม่ในซีรีส์เรื่องนี้

 

 

Cr. namooactors

 

ถ้าเอามือที่จับปีกผีเสื้อมาขยี้ตา แล้วตาก็จะบอด

ในตอนหนึ่งที่พัคแจออนถูกสาวคนหนึ่งถามเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีเสื้อ ว่าถ้าเอามือข้างที่จับผีเสื้อไปขยี้ตาแล้วตาจะบอดนั้นจริงไหม ? เรื่องนี้ดูเหมือนจะมีมูลแห่งความจริงอยู่บ้าง เพราะผีเสื้อก็เหมือนแมลงทั่ว ๆ ไปที่จะมีลักษณะทางชีววิทยาที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าบางชนิดเป็นพาหะของโรคที่สำคัญทางสาธารณสุขได้ (เช่น ยุงลาย) ผีเสื้อมีส่วนที่สามารถเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ก็คือผงเกล็ดเล็ก ๆ ที่เรียกว่า สเกล (scale) ปิดอยู่เหมือนแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาซ้อนทับกัน มีสีสันแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่ถึงมันจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ แต่ก็ทำให้แค่อักเสบหรือเป็นภูมิแพ้เท่านั้น ไม่ถึงขั้นทำให้ตาบอด ดังนั้นนักชีววิทยาจึงแนะนำการจับผีเสื้อที่ถูกวิธีเอาไว้ว่า ควรสัมผัสแค่บริเวณด้านใต้ของปีกอย่างเบามือเท่านั้น เพราะปีกด้านบนของมันบอบบางมากถึงขนาดที่ว่าหากจับแรงสีอันสวยงามของผีเสื้อตัวนั้นอาจถูกทำลาย แล้วมันก็อาจจะตายได้ ความรักก็เหมือนผีเสื้อที่ตรงนี้ ถ้าเราไปควบคุมอีกฝ่ายมากเกินไปก็คงอึดอัด ทั้งนี้ต้องอยู่ในระยะปลอดภัยกันทั้งคู่เพื่อความสบายใจ ไม่ทำร้ายกันทางอ้อมเหมือนที่คนเราไปจับผีเสื้ออย่างไม่ระวัง พอถูกมันทำร้ายกลับไม่โทษตัวเองที่โง่ แต่ไปโทษผีเสื้อทั้งที่มันไม่ได้ทำอะไรให้เลยแต่เเรก  

 

 

Cr. namooactors

 

ผีเสื้อไม่ได้กินน้ำหวานจากดอกไม้ดอกเดียว

จะบอกว่าผีเสื้อมันก็เที่ยวไปกินน้ำหวานจากดอกไม้หลาย ๆ ดอกนั่นแหละ คล้าย ๆ กับพัคแจออน พระเอกของเราที่ก็ไม่ต่างกับผีเสื้อที่เกิดมาไม่เคยคบใครเลย แค่สนุกไปวัน ๆ เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ จนชาวบ้านชาวช่องเขาก็รู้ไปทั่วว่าเจ้าตัวไม่ค่อยคบใครนาน แป๊บ ๆ ก็เปลี่ยนผู้หญิงคนใหม่ ทำให้นางเอกของเราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า พัคแจออนก็คงเหมือนผีเสื้อตรงที่เขาจะไม่มีวันหยุดที่ใคร เที่ยวไปจิบกินน้ำหวานจากดอกไม้ไปทั่วตามสัญชาตญาณ ไม่มีทางที่จะมาหยุดอยู่ที่ตัวเธอได้ เพราะผีเสื้อมันไม่ได้กินน้ำหวานจากดอกไม้ดอกเดียว และที่จริงดอกไม้ก็ไม่ได้สร้างมาเพื่อผีเสื้อเพียงตัวเดียวเหมือนกัน ดอกไม้ก็ได้ประโยชน์จากผีเสื้อในเรื่องการผสมเกสรและขยายพันธ์ุให้ตัวเอง นี่จึงเป็นที่มาของข้อตกลงระหว่างยูนาบีและพัคแจออนในการเริ่มที่จะมีความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits เพราะทั้งคู่คิดว่ามันก็วินวินทั้งคู่ เธอได้ประโยชน์ ฉันเองก็ได้เหมือนกัน โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา 

 

 

Cr. namooactors

 

ยิ่งไล่จับผีเสื้อเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะบินหนีไปจากเรา

ในทางตรงกันข้ามยิ่งนิ่งเท่าไหร่ ผีเสื้อก็จะยิ่งบินมาเกาะเราเอง มันคือการเปรียบเทียบระหว่างผีเสื้อกับความสุขในงานวรรณกรรมของแนแธเนียล ฮอว์ธอร์น นักเขียนอเมริกัน โดยเขาได้เขียนเอาไว้ว่า ‘ความสุขก็เหมือนผีเสื้อ เมื่อไหร่ที่เราพยายามไล่จับ มันจะหนีไปเสมอ แต่เมื่อไหร่ที่เรานั่งอยู่เงียบ ๆ มันจะมาเกาะที่เราเอง’ ซึ่งในแง่หนึ่งก็อาจจะเหมือนความรัก ความสัมพันธ์ ที่หากใครเคยวิ่งตามใครสักคนเพื่อให้เขารัก ให้เขาเห็นใจ เห็นเราอยู่ในสายตาบ้าง จะรู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหน ในขณะที่เราวิ่งไล่ตามเขา แต่ยิ่งวิ่งกลับยิ่งรู้สึกว่าเขาค่อย ๆ ห่างไกลออกไป การที่เราวิ่งตามใครสักคนมันไม่มีอะไรมาการันตีได้เลยว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะคุ่มค่าไหม หรือเขาจะกลับมาหาเราหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ วิ่งตามนาน ๆ มันก็เหนื่อย ลองหยุดวิ่งดูซิ ดูซิว่าคนที่เราวิ่งตามมาตลอดจะสังเกตเห็นบ้างไหม เหมือนอย่างที่เวลาที่ยูนาบีหยุดวิ่ง พัคแจออนก็มักจะมาหาที่หน้าประตูบ้านตลอด ขอให้กล้าพิสูจน์ด้วยตัวเองดูสักครั้งว่าถ้าเราหยุดแล้ว สิ่งที่วิ่งตามมาตลอดจะกลับมาไหม ถ้าไม่ก็แยกย้าย จบ  

 

 

Cr. namooactors

 

ถ้ารักผีเสื้อจริง ควรปล่อยให้บินไปสู่ธรรมชาติ

ในหมู่คนที่เลี้ยงนก เขาบอกกันไว้เสมอว่ามันเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะขังสัตว์ที่มีปีกให้อยู่ในกรงเล็ก ๆ แคบ ๆ เพราะโดยสัญชาตญาณแล้วสัตว์ปีกมีความรักอิสระมาก ในวันที่มันมองทอดออกไปเห็นท้องฟ้าแล้วสัมผัสถึงความกว้างใหญ่ เมื่อนั้นมันก็อยากจะบินออกไปเป็นส่วนหนึ่ง ผีเสื้อก็เช่นกัน มันควรจะได้ออกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พัคแจออนพระเอกของเรื่องได้เลี้ยงผีเสื้อจำนวนหนึ่งไว้ที่บ้าน แม้จะดูแลอย่างดี แต่เขาก็ได้ตระหนักว่า เขาควรจะปล่อยมันไปในตอนที่นางเอก ยูนาบีปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits กับเขาต่อไป เพราะเธออยากคบกับเขาจริงจัง แต่พัคแจออนนั้นไม่รู้ใจตัวเองและยังไม่พร้อมจะคบใคร เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยยูนาบีไปทั้งที่ไม่อยากปล่อย และตัวเขาเองก็กลับเศร้าที่ได้รู้ว่าผีเสื้อ (นาบี) ที่เขาได้ปล่อยไป ไม่ได้รู้สึกเศร้าสักนิด แต่กลับตื่นเต้นที่ได้ออกไปสัมผัสกับโลกกว้างใบใหม่ที่ไม่ใช่กรงของเขา 

 

 

Cr. namooactors

 

จากดอกไม้ทั้งสวน ผีเสื้อจะมีดอกไม้ที่มันชอบกินน้ำหวานเป็นพิเศษ

แม้ผีเสื้อมันจะเที่ยวไปกินน้ำหวานจากดอกไม้ไปทั่ว แต่ความจริงแล้วผีเสื้อมันก็มีดอกไม้ที่มันชอบบินไปเกาะกินน้ำหวานเป็นพิเศษอยู่ หนึึ่งคือผีเสื้อต้องการกินน้ำหวานจากดอกไม้ที่มีความเสี่ยงน้อยคือไม่มีแมงมุมซ่อนตัวอยู่เพื่อที่จ้องจะกินมันเป็นอาหาร สองคือดอกไม้ดอกนั้นจะต้องเหมาะกับอวัยวะการกินของมันซึ่งก็คืองวง และสามผีเสื้อต้องดูดน้ำหวานทันทีที่จุ่มงวงลงไปในดอกไม้ (แต่ผึ้งจะจิ้มก่อนแล้วค่อยใช้ลิ้นดูดขึ้นมา) ด้วยเหตุนี้ผี้เสื้อจะเปลืองพลังงานมากหากต้องไปดูดน้ำหวานที่ข้นเหนียวหนืดเกินไป ดังนั้นจากดอกไม้ทั้งสวน ดอกไม้ที่ผีเสื้อจะแวะเวียนไปหาเสมอและจะมีความสุขที่สุด ฟินที่สุดเวลาได้กินน้ำหวานก็คือ ดอกไม้ที่มีความเข้มข้นของน้ำหวานอยู่ที่ 20-25% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผีเสื้อสุดเจ้าชู้อย่างพัคแจออน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาจะทิ้งลายคนเจ้าชู้มาคบใครจริงจัง เมื่อเขาเจอดอกไม้ที่ใช่ในความเข้มข้นที่เหมาะสม ผีเสื้อที่ชื่อว่า ‘พัคแจออน’ ก็คงอยากจะหยุดที่ดอกไม้ที่ชื่อว่า ‘ยูนาบี’  

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 5 ปัญหาของเด็กไทยที่ซ่อนอยู่ในซีรีส์ “เด็กใหม่” Girl From Nowhere ซีซั่น 2

 เรื่องราวเบื้องหลังสุดเจ๋งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนจากซีรีส์เกาหลีในดวงใจ

 แนะนำหนังสร้างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ที่โลกไม่ลืม

 รวมภาพยนตร์แนว Bully ที่เปลี่ยนแรงแค้นให้เป็นพลังบวก

 หนังวัยรุ่นคลั่งรัก เบาสมองสำหรับ #ทีมเคาท์ดาวน์คนเดียว

 แนะนำหนังเกี่ยวกับสิทธิสตรี ผู้หญิงต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิอะไรบ้าง

 5 ซีรีส์แนะนำใน Netflix ที่มนุษย์วัยรุ่นต้องดู

 แจกหนังน่าดู 10 เรื่อง จาก 10 คณะน่าเรียน ได้ทั้งความรู้ & ความสนุก

 5 หนังสร้างแรงบันดาลใจในการเรียน ให้ไปถึงฝันอะไรก็กั้นไม่ได้

 7 อาชีพเจ๋ง ๆ ในซีรีส์เกาหลี ที่ดูแล้วอยากทำขึ้นมาเลย

 6 ซีรีส์โลกอนาคตใน Netflix ที่จะทำให้เราติดจนไม่หลับไม่นอน


 

แหล่งข้อมูล

- Dipping tongues allow bees to drink the sweetest nectar

- SuperSci: สาระน่ารู้ของ "ผีเสื้อ" 

- ซีรีส์ Nevertheless จาก Netflix

 

 

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow