ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่คนเราจะโกรธหรือว่าโมโห เพราะเราก็เป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งในฐานะที่เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกเหมือนพระหรือถือศีลปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง มันจึงยากมาก ๆ ที่จะตัดอารมณ์โกรธ ดังนั้นเราจึงควรเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์โกรธให้ไม่บานปลายจนไปทำร้ายจิตใจคนอื่น แถมยังได้ประโยชน์สองเด้งต่อการเรียนอีกด้วย

ไม่ว่าตอนนี้เราจะโกรธให้กับเรื่องอะไร โกรธกับเพื่อน โกรธแฟน โกรธรัฐบาล โกรธฝนฟ้าอากาศ มันก็คือ ความโกรธที่กำลังสุมอยู่ในอกทำให้ความคิดของเราสะเปะสะปะ สมมติว่ากำลังเรียนออนไลน์อยู่ดี ๆ แล้วแอบไปเช็กข่าวในมือถือแป๊บเดียว เห็นข่าวน่าโมโห ทันใดนั้นเลือดก็สูบฉีดแรงขึ้นกลายเป็นความโกรธจนกู่ไม่กลับ ทำให้สิ่งที่ครูกำลังสอนออนไลน์อยู่เข้าหูซ้ายแล้วก็ทะลุหูขวาออกไปหมดเลย แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ? วิธีไหนที่จะทำให้เรากลับมามีสติ มีสมาธิกับการเรียนออนไลน์ตรงหน้า หรือไม่ก็กลับมามีสติอยู่กับปัจจุบันพร้อมทำกิจวัตรประจำวันต่อไป

นอกจากเราจะจัดการกับความโกรธให้สงบลงได้แล้ว ยังมีวิธีจัดการกับความโกรธที่ทำให้เราได้ประโยชน์สองเด้ง สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสอบอย่างหนัก การได้วิธีระบายความโกรธที่เอื้อต่อการเรียนถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว มาลองระบายความโกรธด้วยการเก็บหนังสือ ชีทสรุป หรือว่าเอกสารสำหรับการเรียนดูดีไหม 

‘การรู้จักทิ้งเอกสารประกอบการเรียน 80%
จะทำให้เรียนเก่งขึ้นอีกหลายเท่า’  

ขั้นตอนที่ 1 การเก็บหนังสือ

เอาหนังสือเรียนทั้งหมดมาวางบนพื้น หากในบ้านมีชั้นวางหนังสือก็ให้เอาหนังสือทุกเล่มลงมาจากชั้นเพื่อที่จะนำมาวางรวมกัน พอเอามากองรวมกันแล้วมันอาจจะดูเยอะมาก ๆ ก็อย่าเพิ่งท้อ นำไฟโกรธมาเป็นพลังและค่อย ๆ แบ่งหนังสือทั้งหมดออกเป็น 4 กลุ่มตามนี้

• ทั่วไป หนังสือที่อ่านเพื่อความบันเทิง

• ใช้งาน หนังสืออ้างอิง ตำรา หนังสือเรียน

• รูปภาพ หนังสือรวมภาพถ่าย โฟโต้บุ๊ค 

• นิตยสาร

เมื่อคัดแยกประเภทของหนังสือแต่ละเล่มแล้วให้เราหยิบหนังสือแต่ละเล่มขึ้นมาแล้วใช้เกณฑ์ คุณรู้สึกมีความสุขเมื่อได้สัมผัสหนังสือเล่มนั้นไหม โดยห้ามเปิดอ่านโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เสียเวลาและเป็นการเบี่ยงเบนความคิด ให้เราเก็บไว้เฉพาะหนังสือที่แค่เห็นมันวางอยู่บนชั้นก็มีความสุขแล้ว กับหนังสือที่มีเนื้อหากับเป้าหมายในปัจจุบันของเรา

ขั้นตอนที่ 2 หนังสือที่ไม่ได้อ่าน

หนังสือที่สักวันจะอ่านก็คือหนังสือที่ไม่มีวันอ่าน เช่นกันกับหนังสือที่คิดว่าจะอ่านซ้ำ ยอมรับเถอะว่าสุดท้ายแล้วหนังสือที่เราคิดว่าจะอ่านซ้ำอีกรอบนั้นก็มีเพียงไม่กี่เล่ม โดยพื้นฐานแล้วหนังสือก็คือแผ่นกระดาษที่มีตัวหนังสือพิมพ์ไว้ด้วยหมึกแล้วเย็บเล่มเข้าด้วยกัน หน้าที่ที่แท้จริงของมันคือมีไว้อ่านและถ่ายทอดข้อมูลมาสู่สมองหรือหัวใจของเรา ดังนั้นสิ่งที่มีค่าจริง ๆ ก็คือข้อมูลในหนังสือต่างหาก การวางหนังสือทุกเล่มไว้บนชั้นอัดแน่นกันจนบางครั้งหาอะไรก็ไม่เจอ จึงทำให้เราหมดโอกาสที่จะต่อยอดความคิดหรือสร้างแรงบันดาลใจที่ดี 

ด้วยเหตุนี้ให้เราพิจารณาหนังสือที่จะเก็บไว้บนชั้นด้วยข้อมูลหรือเนื้อหาที่มีประโยชน์ และเหมาะเจาะกับเป้าหมายในปัจจุบันภายในปีนี้ของเรา อย่าให้หนังสือที่ไม่เหมาะกับเป้าหมายในปัจจุบันกองสูง บดบังหนังสือที่เราควรจะอ่านเพื่อให้ไปสู่เป้าหมาย

ขั้นตอนที่ 3 หนังสือที่ควรเก็บ   

หนังสือที่ควรเก็บคือหนังสือที่เราหยิบขึ้นมาแล้วไม่มีความเอะใจว่าจะเก็บหรือทิ้งดี มันคือหนังสือที่เมื่อเห็นปุ๊บสมองจะสั่งการว่าต้องเก็บโดยไม่มีความลังเล โดยมันอาจเป็นหนังสือโฟโต้บุ๊คของไอดอลที่เราชอบมาก ๆ หรือหนังสือที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างหนังสือการ์ตูนที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เราได้เติบโต แล้วหนังสือที่ลังเลว่าจะเก็บหรือทิ้งจะทำยังไงกับมันดี ? 

เราเรียกหนังสือที่ลังเลเหล่านี้ว่าหนังสือที่ชอบปานกลาง เช่น หนังสือที่มีคำพูดดี ๆ มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางหน้า นิตยสารที่มีบทสัมภาษณ์ที่เราชอบ ให้เราตัดส่วนนั้น ๆ เอาไว้ ส่วนใครที่ถนัดถ่ายเอกสารก็ทำได้ หรือหากใครชอบที่จะลอกข้อความเหล่านั้นไว้ด้วยลายมือของตัวเองก็ทำได้เช่นกัน ทั้งนี้เราอาจเก็บข้อความส่วนนั้นไว้ในแฟ้มหรือในสมุด

ขั้นตอนที่ 4 ชีทสรุปและเอกสารการเรียน 

บางครั้งในเวลาเรียนเราก็ไม่ได้มีแค่หนังสือ เรายังมีพวกชีทสรุป เอกสารประกอบการเรียนที่หลายคนมักจะทิ้งหรือโยนไปกองรวมกันไว้ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ยังคงนอนแอ้งแม้งเปื่อย ๆ ยับ ๆ อยู่อย่างนั้น ดีไม่ดีเอกสารเกี่ยวกับการเรียนที่มีประโยชน์ของเราอาจมีบิลค่าไฟค่าน้ำ หรือใบเสร็จจากร้านสะดวกซื้อติดมาด้วย การเก็บเอกสารที่สำคัญมาก ๆ รวมมันไว้กับเอกสารที่ไม่สำคัญ ท้ายที่สุดมันจะทำให้เราหาสิ่งที่สำคัญไม่เจอ 

บางคนมีชีทสรุปแผ่นเดิมอยู่หลายแผ่นแบบไม่รู้ตัวเพราะไม่เคยจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ พอหาไม่เจอก็ไปถ่ายเอกสารใหม่ นอกจากจะเปลืองตังค์แล้ว ยังแอบสร้างนิสัยไม่รู้จักเก็บของให้ตัวเอง ข้อแนะนำคือควรเก็บเอกสารไว้ในแฟ้มให้เป็นหมวดหมู่ ชิ้นไหนที่ไม่ได้ใช้แล้วให้แยกไปทิ้งรีไซเคิลต่อไป หลักการคือไม่ใช่เพื่อลดจำนวนลง แต่เป็นการถามตัวเองว่าเอกสารชิ้นไหนมันมีประโยชน์กับเป้าหมายการเรียนในปัจจุบัน แล้วให้กำหนดตำแหน่งที่จะจัดเก็บเอกสารเหล่านั้นไว้ที่เดิมตายตัวเพื่อที่ว่าห้องจะได้ไม่รก และหาเอกสารที่เป็นประโยชน์ได้ง่ายและรวดเร็ว 

การจัดเก็บหนังสือที่ว่ามาทั้งหมดสามารถทำให้เสร็จได้ภายในวันเดียว นอกจากจะทำให้เรากลับมามีสติแล้ว การต้องตัดสินใจว่าจะเก็บหรือจะทิ้งของบางอย่างยังทำให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ แรก ๆ อาจโกรธไปจัดบ้านไป แต่สักพักรับรองว่าจิตใจจะค่อย ๆ แจ่มใสขึ้น เราจะได้มีแต่หนังสือ เอกสาร ชีทสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายในการเรียนปัจจุบันของเราโดยแท้จริง ไม่ใช่เศษซากกองกระดาษที่ไม่สำคัญอีกต่อไป 

บทความที่เกี่ยวข้อง

• ทำไมคนเราต้องโกรธจนมือสั่น แล้วเราจะควบคุมความโกรธได้ยังไงบ้าง

• Teen’s Guide ทุกปัญหาของวัยรุ่นมีทางออกเสมอ

• เคล็ดลับในการสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้ไม่แผ่วปลาย

• รวมวิธีแต่งห้องใหม่ จัดห้องให้น่าอยู่ ตามแบบฉบับคนงบน้อย

• วิธีแก้อาการ 'หัวร้อน' จากอนิเมะสายฮาพ่อบ้านสุดเก๋า

• ฝึก ‘ความฉลาดทางอารมณ์’ เคล็ดไม่ลับอัปผลการเรียนให้ดีขึ้น

• Emotional Agility ทักษะการจัดการอารมณ์ให้สมดุลจากนักจิตวิทยา

• เป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย จะรับมือกับอารมณ์ตัวเองยังไงดี

• วิธีรับมือกับความเจ็บปวดและความเครียด

• เคล็ดลับการตัดสินใจให้ไม่พลาดโอกาสที่ดีที่สุด ไร้อาการ 'FOBO'

• 5 คำพูดทำร้ายจิตใจ & ลดทอนคุณค่าคนอื่น ที่ไม่ควรมีในบทสนทนา

• เป็นผู้ฟังที่ดี รู้จักคนตรงหน้าให้มากขึ้นด้วยเทคนิค Deep Listening

• ฝึกเป็นคนเฟรนด์ลี่ แบบใครอยู่ด้วยก็อบอุ่นและสบายใจ

แหล่งข้อมูล

คนโด มาริเอะ.  ชีวิตดีขึ้นทุกด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว. กรุงเทพฯ: วีเลิร์น. 2015