Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Lucid Dream เมื่อคนเราควบคุมความฝันตัวเองได้

Posted By Plook Magazine | 16 ส.ค. 64
24,849 Views

  Favorite

เชื่อไหมว่า คนเราสามารถควบคุมความฝันได้ ? 

 

ในอดีตคนเราคิดว่า ‘ความฝัน’ เป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ความฝันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาคนนึงไม่กล้าฝัน แต่เทพยดา ภูตผีปีศาจเขาเสกมาให้เราฝัน จนถึงขั้นเชื่อว่าหนึ่งความฝันที่ดีสามารถนำเอาไปตีเป็นตัวเลขให้โชค หรือไม่ก็หนึ่งความฝันที่ประหลาดก็สามารถนำไปเป็นเครื่องเตือนภัยว่าเรื่องไม่ดีกำลังจะเข้ามา หรือที่ล้ำกว่านั้นก็เห็นจะเป็นเรื่องที่คล้ายกับความฝันอย่างการถอดจิต มองเห็นวิญญาณ ไปทัวร์สวรรค์ ไปเจอยมทูตในนรก ไปเจอญาติพี่น้องที่เสียไปแล้วที่เรามักจะได้เห็น ได้ยินกันอยู่ตลอดเวลาในข่าวเกี่ยวกับคนเห็นผี 

 

จุดแดงคือตำแหน่งของสมองส่วนที่ควบคุมการรับรู้ตัวตนในร่างตัวเอง
Cr. NYTimes โดย Graham Roberts

 

เรื่องทำนองนี้ในทางวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่าปรากฏการณ์ OBE หรือ Out-of-body experiences เป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ กับคนที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมา (Near-Death Experiences) เช่น หัวใจวาย จมน้ำ ประสบอุบัติเหตุ ที่จะทำให้คนเราหยุดหายใจหรือใกล้ตายชั่วขณะ แต่เเล้วเมื่อถูกปั๊มหัวใจ ช่วยชีวิตกลับมาได้ในระหว่างที่กำลังหายใจพะงาบ ๆ ยังไม่ได้สติดี หลายคนก็มักจะพูดว่าพวกเขาไปเจอเทวดามา หรือไม่ก็เห็นตัวเองนอนอยู่แต่เข้าร่างไม่ได้ ซึ่งคนที่ปักใจเชื่อสุดชีวิตก็อาจคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไปแต่เป็นคนมีญาณ เป็นลูกเทพ เทวดา หรือว่าอยู่ดี ๆ ก็มีองค์

 

 

มีองค์หรือเพราะเป็นความสามารถของสมอง ?

วิทยาศาสตร์ได้ตอบคำถามของเรื่องถอดวิญญาณนี้ด้วยการทดลองเอาเข็มอิเล็กโทรดไปกระตุ้นสมองของคนไข้ที่ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกอยู่แล้ว เพื่อดูว่ามีสมองส่วนไหนบ้างที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ OBE จิ้มไปจิ้มมาก็ไปเจอสมองส่วนหนึ่งที่จิ้มไปโดนเมื่อไหร่คนไข้ก็จะบอกว่า รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอย แล้วมองลงมาเห็นร่างของตัวเองที่กำลังนอนอยู่บนเตียง นั่นก็คือสมองส่วน Angular Gyrus ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ควบคุมการรับรู้ตัวตนในร่างของตัวเอง แต่เมื่อหยุดหายใจไปหรือมีอะไรมากระตุ้นก็จะทำให้เกิดการรบกวน รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในร่าง นอกจากนี้คนที่เสพยาหนัก ๆ หรือเป็นไข้มาลาเรีย อดหลับอดนอนอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์หลุดออกจากร่าง OBE ได้ เพราะการเห็นภาพประหลาด เห็นตัวเองหลุดออกจากร่างนั้นเป็นเพียงความสามารถของสมองนั่นเอง 

 

Cr. ​​astrocentro

 

แล้ว OBE เกี่ยวอะไรกับการควบคุมความฝัน Lucid Dream ? 

เพราะเมื่อคนเราเกิด OBE มันมักจะเกิดต่อเนื่องกับการเกิดความฝันแบบที่สมจริงมาก ๆ นั่นคือ ‘Lucid Dream’ มันคือการที่เรารู้ตัวว่าเรากำลังฝัน แต่ไม่รู้สึกตัวตื่นแถมยังควบคุมความฝันของตัวเองได้ตามใจนึก ทุกอย่าง จะคล้าย OBE หมด แต่คนที่กำลังมี Lucid Dream จะรู้ตัวและสามารถควบคุมความฝันของตัวเองได้ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนที่อ้างว่าตัวเองมีองค์หรือเป็นเทพเนี่ย เขามีจริง ๆ หรือเขาแค่ผ่านประสบการณ์ Lucid Dream มากันแน่) เพราะการควบคุมความฝันได้นี่มันสุดยอดมากอย่างกับตัวละครนีโอจากหนังเรื่อง The Matrix หรือ คอบบ์จากเรื่อง Inception ที่อยากจะบินก็บินได้ หยุดกระสุนก็ได้ เดินทะลุกำแพงก็ยังได้ แถมยังไม่เจ็บตัวจริง ๆ เพราะเป็นแค่ความฝันที่เราทุกคนสามารถฝึกกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเฉียดตายก่อนถึงจะได้ลอง

 

 

วิธีฝึกให้เป็น Lucid Dreamer

 

1. ระหว่างตอนที่กำลังตื่นอยู่ ลองถามตัวเองว่า ‘นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ?’ และลองเช็กดูว่ากำลังตื่นอยู่จริง ๆ ไหม ด้วยการฝึกฝนแบบนี้เราจะรู้สึกตัวได้โดยอัตโนมัติเวลาที่กำลังหลับฝันอยู่

 

2. หมั่นจดบันทึกความฝัน นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งในการฝึก Lucid Dream ด้วยการบันทึกความฝันในแต่ละครั้งไว้เสมอทันทีที่เราตื่น เพราะถ้าไม่จดบันทึกทันทีเราจะลืมได้ง่าย เพื่อย้ำเตือนสมองของเราให้ช่วยจำองค์ประกอบและสามารถแยกแยะได้ว่าเรากำลังฝันหรือกำลังตื่น 

 

3. นอนให้เป็นเวลา เพราะส่วนใหญ่ช่วงเวลาที่เกิด Lucid Dream จะเป็นช่วงหลับลึก (R.E.M. - Rapid Eyes Movement) ประมาณตีสามถึงตีห้าหรือสองสามชั่วโมงก่อนที่จะตื่น นั่นหมายความว่าเราต้องมีเวลานอนที่เพียงพอที่จะเกิดช่วงหลับลึกได้ แต่บางคนก็จะมี Lucid Dream เวลานอนกลางวัน ทั้งนี้เราต้องรู้ว่านอนเวลาไหน ช่วงไหนที่เรามักจะฝันบ่อย ๆ 

 

4. ความฝันครั้งหนึ่งมักจะมีช่วงระยะเวลา 60 นาที ถ้าอยากฝึกตัวเองให้รู้สึกตัวว่ากำลังฝันอยู่ อาจใช้วิธีตั้งนาฬิกาปลุกหลังจากระยะเวลาช่วงหลับลึก ซึ่งน่าจะเป็นเวลาประมาณตีสี่ครึ่ง หกโมง และเจ็ดโมงครึ่ง และเมื่อคุณตื่นขึ้นมาแล้วให้พยายามระลึกถึงความฝันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อนึกได้มากที่สุดแล้ว กลับไปนอนต่อโดยจินตนาการว่าเรากำลังฝันต่อจากที่เราตื่น แต่ให้เฝ้าบอกตัวเองว่า “ฉันจะรู้ตัวว่าฉันกำลังฝันอยู่” จนกระทั่งมันซึมซับเข้าไปในความคิด แล้วเข้านอน ทำจนชิน เดี๋ยวมันจะเกิดขึ้นเอง

 

5. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเสมอว่าเราอยากฝันเรื่องอะไรก่อนที่จะนอนทุกครั้ง หรือดูอะไรสักอย่างซ้ำ ๆ คิดเรื่องที่จะฝันก่อนนอน ความหมกมุ่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนี้ก็มีส่วนที่จะถูกเซฟเข้าไปในจิตใต้สำนึกจนทำให้เราฝันถึงเรื่องนั้นได้ โดยให้เราลองกระโดด หยิกตัวเอง หรือจับสังเกตสิ่งรอบข้างในความฝัน ถ้ามันดูไม่สมจริง ดูเป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง เราก็จะรับรู้ว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ และเมื่อนั้นเราก็อาจเริ่มที่จะกำหนดความฝันของเราเองได้

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมองที่จะช่วยให้เราฉลาดขึ้น !

นอนดึก ตื่นเช้า กินอะไรดีเพื่อบำรุงให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย

เทคนิคผ่อนคลายร่างกายก่อนนอน ช่วยให้หลับง่าย หลับได้ลึกขึ้น

รวมวิธีแก้ง่วงเวลาเรียน หมดปัญหาง่วงนอนตอนบ่าย จนเรียนไม่รู้เรื่อง

นอนยังไง กินอะไร เพื่อให้ร่างกายหายเหนื่อยล้า และรู้สึกสดชื่น

6 วิธีนอนให้หลับ หลังจากดูหรือฟังอะไรที่น่ากลัวมา

รักตัวเองให้มากขึ้นด้วย 'Self-Care' เทรนด์ใหม่ของการดูแลตัวเอง

คนนี้คือคนที่ใช่หรือเปล่า วิธีพิสูจน์คู่แท้แบบวิทยาศาสตร์

รู้จักความต่างระหว่างนักจิตวิทยา จิตแพทย์ และนักจิตบำบัด

ความฉลาด 9 แบบที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา เราฉลาดแบบไหนกัน

ประวัติศาสตร์แห่งการจูบที่ไม่ได้โรแมนติกเหมือนอย่างที่คิส


 

แหล่งข้อมูล

- แทนไท ประเสริฐกุล. โลกจิต. กรุงเทพฯ: อะบุ๊ก, 2556

- Inception กับ Lucid Dream ในฝันฉันรู้ตัวว่าฝัน

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow