“เลนส์สายตา” ในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย ขึ้นอยู่กับปัญหาของสายตาและความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกันถึง 8 ชนิด
1. เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision)
สามารถรองรับทั้งค่าสายตาสั้น ยาว และเอียง โดยแว่นสายตามองไกลใช้สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนแว่นมองใกล้ใช้สำหรับอ่านหนังสือ ในปัจจุบันยังมีเลนส์แว่นเทคโนโลยีที่ลดการล้าตา จากบุคคลที่ใช้สายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์เกิน 8 ชั่วโมงต่อวันและมีอาการปวดกระบอกตา เช่น เลนส์ Duna Eye Spa ZEN ที่จะทำให้การทำงานช่วง WFH มีความสุขขึ้น
2. เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens)
ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการการมองเห็นที่ชัดเจนทุกกิจกรรมแบบไร้รอยต่อด้วยแว่นอันเดียว สามารถมองเห็นชัดทั้งระยะใกล้ กลาง ไกล ทำให้การเหลือบหรือกวาดสายตาในแต่ละกิจกรรมเป็นไปได้อย่างง่ายดายและเห็นภาพที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่นิยมใช้ในกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 38 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาสายตาทั้งระยะไกล และสายตายาวตามอายุ ที่ต้องการเลนส์สวมใส่แล้วไม่ฟ้องอายุ เสริมบุคลิกให้ดูเป็นหนุ่มสาว
3. เลนส์เฉพาะทาง (Occupational)
เหมาะกับการใช้สายตาระยะกลางและใกล้ หรือการใช้งานในที่ร่ม ที่ให้การมองเห็นสบายตาและมุมมองสนามภาพที่กว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานภายในบ้าน หรือสำนักงาน
4. เลนส์มัลติโค้ต (Multicoat)
คือเลนส์ที่เคลือบสารลดแสงสะท้อนผิวเลนส์ ทำให้เลนส์ดูใส สว่างขึ้น ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน หรือเคลือบสารป้องกันแสงยูวี เหมาะกับคนที่ใส่แว่นตลอดเวลา
5. เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Cut Lens)
เลนส์ที่ช่วยป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้าที่มีแหล่งกำเนิดมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
6. เลนส์ออโต้ (Auto Lens)
หรือเลนส์ปรับแสง สีเลนส์จะเปลี่ยนไปตามความเข้มของแสงที่ได้รับ เมื่อเจอแดดเลนส์จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพื่อป้องกันดวงตาจากแสง และเมื่ออยู่ในที่ร่มเลนส์จะกลับมาใสปกติ เหมาะกับคนที่ต้องออกกลางแจ้งเป็นประจำ
7. เลนส์กันแดด
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลนส์แว่นอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ในร่มและกลางแจ้งได้ในอันเดียว มีคุณสมบัติช่วยลดความจ้า ซึ่งเลนส์กันแดดที่ได้มาตรฐานจะต้องสามารถป้องกันรังสียูวีเอได้อย่างน้อย 95% และยูวีบีได้อย่างน้อย 99%
8. เลนส์สี (Color Lens)
เลนส์ที่เคลือบสีต่าง ๆ ที่ขึ้นอยู่กับการงานของผู้สวมใส่ เช่น สีน้ำตาลเพื่อต้องการให้ลุคดูเบาสบาย หรือสีชมพูเมื่อต้องการลุคที่ดูแฟชั่นขึ้นมาหน่อย
กรอบแว่นสายตา
เมื่อเลือกเลนส์ได้แล้ว ก็ต้องมีกรอบ กรอบแว่นที่ดีจะต้องสามารถรองรับตัวเลนส์ได้ดี เข้ากับใบหน้า สวมใส่สบาย เบา กระชับและเหมาะกับการใช้งาน สะพานแว่นที่ไม่กว้างหรือแคบเกินไป ความยาวขาแว่นที่พอดีกับใบหน้าถึงหูเกี่ยว ที่สำคัญคือการวัดหาระยะห่างระหว่างรูม่านตา (PD) ซึ่งต้องทำการวัดหาค่าก่อนที่จะตัดแว่นสายตา นอกจากนี้ควรเลือกวัสดุที่หลากหลายและมีคุณสมบัติตามผู้ใช้ต้องการ ทั้งกรอบโลหะ สเตนเลส ไททาเนียม พลาสติกอะซิเตท หรือเทอร์โมพลาสติก รวมไปถึงการเลือกรูปทรงและสไตล์ที่เหมาะกับใบหน้า ความหนาของกรอบ สีของกรอบ ที่มีให้เลือกมากมาย ทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม ทรงหยดน้ำ ทรงแคทอายส์ ฯลฯ เป็นต้น ลองดูที่ร้านเอาเลยว่าแบบไหนแล้วปังที่สุด