Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ธรรมะ จากหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พร้อมคำขยายความทางธรรม ให้เข้าใจขึ้น

Posted By มหัทธโน | 09 เม.ย. 64
9,200 Views

  Favorite

ธรรมะ...จากหลวงปู่ชอบ  ฐานสโม

 

ที่มา : ลานธรรมเสวนา

 

หลวงปู่ชอบพระเถระที่ได้รับการยกย่องจากหลวงปู่มั่น และครูบาอาจารย์มากมาย ท่านเป็นพระที่พูดน้อย และมักจะเทศน์เรื่อง ไตรสรณคมน์หรือ ศีล 5 มากกว่าธรรมข้ออื่น 
ท่านว่านี่แหละคือ รากฐานของการบำเพ็ญเพียรภาวนา ถ้าไม่มีฐาน ไม่มีศีลรองรับ ก็ยากจะดำเนินความเพียรได้  
 
หลวงปู่จะเทศน์ เป็นวลีสั้นๆ ประโยคสั้นๆ แต่ก็เป็นธรรมที่ลึกซึ้ง ถ้าปฏิบัติได้ ปฏิบัติจริง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ และพิจารณาได้ พิจารณาจริง พิจารณาถูก พิจารณาตรง พิจารณาชอบ แน่นอน มรรคผลนั้นคงอยู่แค่เอื้อมนั่นเอง 
 
ที่มา : ลานธรรมเสวนา

 

รวมธรรมเทศนาของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม

-- บ่ ต้องดีใจ บ่ ต้องเสียใจ ดีก็ช่าง ร้ายก็ช่าง 
 

-- "ให้พิจารณาความตาย" นั่งก็ตาย  นอนก็ตาย  ยืนก็ตาย  เดินก็ตาย
คำอธิบายความ :
ทุกคนมีความตายเป็นที่สุด ตายทุกเพศทุกวัย ตายได้ทุกกาลเวลา เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ให้เว้นจากความชั่ว สร้างสมคุณงามความดี สร้างบุญ สร้างกุศล ไว้เป็นที่พึ่งของตน เมื่อล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้ว และบำเพ็ญเพียรทำที่สุดแห่งการสิ้นทุกข์คือนิพพานให้เกิดขึ้น


--ให้พิจารณาเกิด – ดับ

คำอธิบายความ :
ขันธ์ ๕ – รูปขันธ์ และนามขันธ์ คือกาย และจิต ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ  มีการเกิดดับ ๆ ๆ ตามเหตุปัจจัย ตามกฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา ควรปล่อยวาง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นให้เป็นทุกข์

 

-- ให้ดูเจ้าของ

คำอธิบายความ :

ให้พิจารณาตน (ขันธ์ ๕ คือ กาย และจิต  กายไม่เที่ยง อาการของจิต ก็ไม่เที่ยง  ไม่คงที่  มีความผันแปร เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ด้วยอำนาจของราคะ โทสะ และโมหะ  เป็นทุกข์  ไม่ใช่ตัวตน  ไม่ใช่ของของตน เป็นของว่างเปล่า

 

-- ให้วาง

คำอธิบายความ :

ให้ปล่อยวางการยึดมั่นถือมั่นในรูปขันธ์ และนามขันธ์ ทั้งภายใน และภายนอก ซึ่งเป็นกองทุกข์ให้หมดสิ้น ก็เข้าถึงนิพพานในที่สุด พ้นทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง

 

-- ให้เอาใจใส่

คำอธิบายความ :

เอาใจใส่ดูแล “จิตของเจ้าของ” ให้ตั้งมั่นอยู่ในกุศลกรรม เว้นจากอกุศลกรรม ทั้งกาย วาจา ใจ และมีพระนิพพานเป็นที่สุด

 

-- บ่ต้องดีใจ  บ่ต้องเสียใจ  ดีก็ช่าง  ร้ายก็ช่าง

คำอธิบายความ :

ทำจิตใจให้เป็นกลาง วางเฉย ไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ หรือมีสรรเสริญ นินทา ซึ่งเป็นธรรมดาโลก เป็นธรรมประจำโลก คือ โลกธรรม ๘
 

--  จิต ไม่เคยบอก " เท็จ " 
"กรรมดี"  หรือ  "กรรมชั่ว " 

ถ้าได้ทำลงไปแล้ว ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้เรื่อง

ที่เราทำ.....ตัวเรานั่นแหละ รู้ตัวเองดีที่สุด

ถึงจะโกหกคนทั้งโลกได้ 

แต่เราจะโกหกความจริงไม่ได้ 

ปากคนเรา "พูดจริง" ได้  "พูดเท็จ" ได้

แต่ " จิต "ไม่เคยพูดเท็จในเรื่อง "กรรม"

 

ที่มา : ลานธรรมเสวนา

 

-- อวิชชามันพาให้เกิด

เมื่อถึงจะต้องตาย ก็ขอปลดอวิชชาไว้ข้างหลัง ให้เข้าป่าเข้าดงไป เราไม่ต้องการอีกต่อไป

ขอให้เชื่อจิตเชื่อธรรมนั้นเถิด เป็นเอกในโลกทั้งสามนี้แน่นอน

ถ้าปฎิบัติได้ ปฏิบัติจริง ปฎิบัติถูก ปฎิบัติตรง ปฎิบัติชอบ และพิจารณาได้ พิจารณาจริง พิจารณาถูก พิจารณาตรง พิจารณาชอบ

แน่นอนมรรคผลนั้นคงอยู่แค่เอื้อมนั่นเอง 

 

-- ทุกข์ในภพชาติสำหรับเรา ต่อจากนี้ไปไม่มีอีกแล้ว มันจบแล้ว

การเดินทางในสายทุกข์ของเรามันสิ้นสุดแล้วในชาตินี้

ชีวิตธาตุขันธ์ที่เหลืออยู่ทุกวันนี้ ก็อยู่เพราะเมตตาสงเคราะห์สัตว์โลกผู้ที่มีวาสนาร่วมกันเท่านั้น

ธาตุขันธ์แตกดับวันไหน วันนั้นก็จบกันหมดทุกอย่าง 

 

 

-- อยากพ้นทุกข์ก็ให้ทำเอา

พระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ประทานให้เราไม่ได้

ถ้าอยากได้ก็ให้ลงมือทำด้วยตนเอง

ความเกียจคร้านบ่เคยทำให้ใครเป็นอริยะ

มีแต่จะทำให้คนนั้นเป็นอะริแย่ คือแย่ลงไปเรื่อย ๆ หาความดีให้ตนเองไม่ได้

 

-- เทวดาเขาบ่ได้มักมนุษย์ ที่กาย

เทวดาเขามักมนุษย์ ที่ศีลธรรมของผู้นั่น ”ผู้มีศีลธรรมในใจ” เทวดาเขาสิเห็น

รัศมีในจิตของผู้นั่น จิตผู้มีธรรมนี่ ใจมันสิงามในใสกว่ากายนอก

เทวดาผู้เขามีใจทิพย์ใจธรรม เห็นมนุษย์ผู้นั่นแล้ว เขากะฮักกะหอมอยากเข้าใกล้

 

-- ให้เป็นคนมีวิหารธรรมในใจ เฮือนชานบ้านช่องในจิตในใจให้เป็นไปในพุทธ ธรรม สงฆ์ ใจดวงนี้เอาอันใดใส่เป็นอันนั่น เอาบุญใส่ ใจเป็นบุญ เอาบาปใส่ ใจเป็นบาป 

 

-- ธรรมชาติกิเลสมันบ่เคยส่งเสริมผู้ใดไปในทางดี มันมีแต่สิพาเฮาคิดไปในเรื่องบ่ดี ไห่ใจเจ้าของเศร้าหมอง

อดีตผ่านไปแล้ว เอามาคิดใจเจ้าของกะเป็นทุกข์

เหตุปัจจุบันเป็นทุกข์ อนาคตมันกะผลเป็นทุกข์

ไห่ปฏิบัติดีเอาในปัจจุบันที่ตนเองมีอยู่

ปฏิบัติตนในศีลธรรมแล้วใจเจ้าของกะเป็นสุข 

ที่มา : ลานธรรมเสวนา

--------------------------------------

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม 

วัดสัมมานุสรณ์  ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย

หลวงปู่ชอบ ได้ชื่อว่า เป็นพระเถระที่สงบเสงี่ยม นิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ได้รับการยกย่องว่า เป็นพระภิกษุผู้รู้เห็นเรื่องภพภูมิ เทวดา ของสังสารวัฏอย่างเอกอุ หลวงปู่ชอบเป็นธรรมทายาทพุทธะที่เด่นด้านญานวิเศษภาวะทิพย์ต่อจากหลวงปู่มั่นเลยทีเดียว หลวงปู่มั่นมักมอบหมายให้ท่านคอยดูแลตรวจตราการภาวนาของพระบ่อย ๆ 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • มหัทธโน
  • 4 Followers
  • Follow